Abstract:
ประเทศไทยเป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่ของนักสะสมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุทั่วโลก ทำให้ประสบปัญหาการค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุข้ามชาติที่ผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง กฎหมายที่มีหน้าที่ป้องกันและคุ้มครองโบราณวัตถุและศิลปวัตถุในปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ไม่สามารถคุ้มครองและแก้ไขปัญหาได้อย่างเพียงพอ ยังพบปัญหาการบุกรุก ขุดค้นโบราณสถานเพื่อให้ได้โบราณวัตถุ การค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายฉบับนี้ที่ไม่สามารถปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของชาติได้อย่างแท้จริง
การแก้ปัญหาขณะนี้มีเพียงการติดตามทวงคืนผ่านอนุสัญญาระหว่างประเทศเท่านั้น ทั้งการใช้มาตรการทั่วไปและมาตรการพิเศษในการแสวงหาพยานหลักฐานตามกฎหมายเฉพาะก็มีเพียงการค้นในเขตโบราณสถานหรือสถานที่การค้าโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถปกป้องโบราณวัตถุได้ทัน นอกจากนี้ คดีในฐานความผิดที่เกี่ยวกับการค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ผิดกฎหมายในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติยังไม่ได้รับการวินิจฉัยให้เป็นคดีพิเศษที่มีความสำคัญและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งจำเป็นต้องใช้มาตรการพิเศษในการแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อหาต้นตอของการกระทำความผิดได้แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ รูปแบบของการกระทำความผิดคดีนี้มีการใช้วิธีที่ซับซ้อน มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรง ใช้วิธีทางเทคโนโลยีในการกระทำความผิด จนทำให้ไม่สามารถปราบปรามและจับกุมกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดได้ ดังนั้น การกำหนดบทนิยามของโบราณวัตถุและศิลปวัตถุให้สอดคล้องกับหลักสากล การกำหนดให้คดีการค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ผิดกฎหมายในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติตามความผิดพระราชบัญญัติโบราณสถานฯ เป็นคดีพิเศษ เพื่อสามารถวินิจฉัยให้นำมาตรการพิเศษที่จำเป็นมาใช้ในการแสวงหาพยานหลักฐาน จึงจะเป็นการแก้ปัญหาในการหาพยานหลักฐาน เพื่อสืบสวน สอบสวนถึงต้นตอและตัวการสำคัญของกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิดได้อย่างทันท่วงที โดยนำมาตรการพิเศษตามกฎหมายที่ใช้ในการปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรง เช่น การค้นยานพาหนะ การเข้าถึงข้อมูลทางเทคโนโลยีและการสะกดรอยทางอิเล็กทรอนิกส์ การปฏิบัติการอำพราง และการเคลื่อนย้ายภายใต้การควบคุม มาใช้จึงอาจเป็นการแก้ปัญหาได้
ดังนั้น วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอแนวทางเพิ่มเติมที่จะนำมาตรการพิเศษในการแสวงหาพยานหลักฐานมาใช้ในคดีการค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ผิดกฎหมายในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ