Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาวิจัยถึงบทบัญญัติทางกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดค่าเสียหายในคดีละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าทั้งตรมกฎหมายไทยและกฎหมายต่างประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นถึงปัญหาของการกำหนดค่าเสียหายในคดีละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นดังกล่าว โดยข้อมูลที่นำมาเป็นฐานในการศึกษาวิจัยนี้ได้มาจากบทบัญญัติทางกฎหมาย ตำราทางวิชาการ บทความ และคำพิพากษาของศาล ที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าเสียหายในคดีละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าทั้งของไทยและต่างประเทศ ผลการศึกษาวิจัยพบว่า บทบัญญัติในมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติความลับทางการค้าพ.ศ. 2545 เป็นบทบัญญัติที่มีความชัดเจนและยังคงเป็นบทบัญญัติที่ทันสมัย สามารถนำมาปรับใช้กับการกำหนดค่าเสียหายในคดีละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าได้ทุกรณี ดังนั้น ปัญหาของการกำหนดค่าเสียหายในคดีละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าจึงมิได้เกิดจากปัญหาที่ตัวบทกฎหมาย แต่ปัญหาน่าจะเกิดจากการแสดงบทบาทของโจทก์ในการนำสืบพิสูจน์ค่าเสียหายที่เกิดจากละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าและศาลในการใช้ดุลพินิจกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการนำสืบพิสูจน์ค่าเสียหายแบะการใช้ดุจพินิจของศาลในการกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ตลอดจนเพื่อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น โดยเสนอแนะให้ทั้งโจทก์และศาลควรแสดงบทบาทของตนให้มากขึ้น กล่าวคือ โจทก์ควรมีหลักเกณฑ์ในการคำนวณค่าเสียหาย โดยจะต้องคำนึงถึงหลักทางบัญชีและแนวคิดในทางเศรษฐศาสตร์ประกอบด้วย ซึ่งจะส่งผลให้โจทก์สามารถแสดงให้ศาลเห็นถึงจำนวนของค่าเสียหายที่แท้จริงได้มากกว่าปล่อยให้เป็นดุลพินิจของศาลในการกำหนดแต่ฝ่ายเดียว และในการพิจารณากำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ นอกจากบทบาทในการใช้ดุลพินิจตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว แนวคิดในทางเศรษฐศาสตร์ก็ควรเป็นประเด็นที่ศาลควรใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อกำหนดค่าเสียหายด้วยเช่นกัน