DSpace Repository

ท่าทีของญี่ปุ่นต่อการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ (ค.ศ.2018-2019)

Show simple item record

dc.contributor.advisor ธีวินท์ สุพุทธิกุล
dc.contributor.author กาญจนา ปานสีนุ่น
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะรัฐศาสตร์
dc.date.accessioned 2024-02-05T11:09:26Z
dc.date.available 2024-02-05T11:09:26Z
dc.date.issued 2565
dc.identifier.uri https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/84556
dc.description สารนิพนธ์ (ร.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2565
dc.description.abstract สารนิพนธ์ฉบับนี้ศึกษาศึกษาท่าทีของญี่ปุ่นที่มีต่อการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือระหว่างปี 2018-2019 เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลให้ญี่ปุ่นมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ เพราะมองว่าการเจรจาไม่ส่งผลให้เกาหลีเหนือเปลี่ยนพฤติกรรมจนทำให้เกิดการปลดอาวุธนิวเคลียร์และยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นหลักประกันความมั่นคงแห่งชาติ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ญี่ปุ่นไม่เห็นด้วย กับการประชุมสุดยอดดังกล่าว เกิดจากการรับรู้ (perception) ของรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีต่อเกาหลีเหนือ เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นหวาดระแวงและมองว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคาม ส่วนนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะก็มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับเกาหลีเหนือมาก่อน จึงไม่ไว้วางใจเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกันสังคมญี่ปุ่นก็มองว่าเกาหลีเหนือเป็นศัตรูมาตั้งแต่ในอดีต และโกรธเคืองเกาหลีเหนือในประเด็นการลักพาตัวชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ การเข้าหาเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ ก็ทำให้ญี่ปุ่น  มองว่า เป็นเรื่องที่กระทบต่อระบบพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ทำให้กลไกในการป้องปราม (deterrence) ลดประสิทธิภาพลง และจะเกิดผลกระทบต่อการถ่วงดุลอำนาจ (balance of power) ในภูมิภาค จนอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพภายในของญี่ปุ่น ในการป้องปรามภัยคุกคาม
dc.description.abstractalternative This independent study examines Japan’s position regarding the U.S.-DPRK summit between 2018-2019, considering the possible factors that contributed to Japan’s position. Due to Japan’s perception, diplomatic negotiation does not contribute to changes in DPRK's behaviors of denuclearization and suspension on its nuclear weapon development program which guarantee its national security. The research finding conforms to the assumption that Japan’s position at the summit mainly derived from Japan government’s suspicious and threat perception towards DPRK. Furthermore, Prime minister Shinzo Abe had working experiences on DPRK and therefore did not trust it, while Japan’s society has long viewed DPRK as an enemy and has been displeased with DPRK over the Japanese kidnapping issue. Most importantly, the U.S. approach towards DPRK has affected the alliance between Japan-U.S. and decrease the deterrent effectiveness. Not only did the aforementioned development affected the alliance relations, but it also affected the regional balance of power, which could potentially cause impacts on Japan’s internal security and stability in deterring threats.
dc.language.iso th
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.subject.classification Social Sciences
dc.subject.classification Public administration and defence; compulsory social security
dc.subject.classification Political science and civics
dc.title ท่าทีของญี่ปุ่นต่อการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ (ค.ศ.2018-2019)
dc.title.alternative Japan's position regarding the U.S.-DPRK summit 2018-2019
dc.type Independent Study
dc.degree.name รัฐศาสตรมหาบัณฑิต
dc.degree.level ปริญญาโท
dc.degree.discipline ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

  • Pol - Independent Studies [518]
    สารนิพนธ์ คณะรัฐศาสตร์ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 เป็นต้นไป

Show simple item record