Abstract:
งานวิจัยเรื่องภาวะผู้นำของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย กรณีศึกษา : การดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานวุฒิสภา มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา ได้แก่ (1) เพื่อศึกษาภูมิหลังและชีวประวัติของศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย (2) เพื่อศึกษาความเป็นผู้นำของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ในการดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานวุฒิสภา และ (3) เพื่อศึกษาประเมินความเป็นผู้นำของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ในการดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานวุฒิสภา โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ทำการศึกษาจากเอกสาร (Documentary Study) และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (In – depth Interview) 5 กลุ่ม ประกอบด้วย (1) กลุ่มอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและสมาชิกวุฒิสภา (2) กลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องฝ่ายการเมือง (3) กลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องฝ่ายข้าราชการประจำ (4) บุคคลผู้เห็นต่างในการทำหน้าที่ของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย และ (5) ทำการสัมภาษณ์ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชรวิชิตชลชัย เป็นหน่วยการศึกษาหลัก ในการทำหน้าที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานวุฒิสภา
ผลการศึกษาพบว่า (1) ภูมิหลังและชีวประวัติของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย (socialization) สามารถอธิบายพื้นฐานความเป็นมาของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ ที่มีผลต่อรูปแบบลักษณะเชิงพฤติกรรมในการทำหน้าที่ทางการเมือง จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากวชิราวุธวิทยาลัย ระดับอุดมศึกษาปริญญาตรีจบจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนติบัณฑิตไทยสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา และปริญญาโทกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนรัฐบาล ก.พ. ตำแหน่งในการรับราชการที่สำคัญตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ฯลฯ เป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมายในหลายวิทยาลัย จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้เป็น “ศาสตราจารย์พิเศษ” คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2556 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินปี 2557 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2562 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นประธานวุฒิสภา ผ่านการอบรมจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.41) และสถาบันพระปกเกล้า (ปปร.11) ซึ่งภูมิหลังถือหนึ่งในสภาพแวดล้อมที่ช่วยขัดเกลาความเป็นผู้นำของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ ในกรอบของชนชั้นนำและมุมมองความคิดที่ยึดถือกฎหมายเป็นหลักอย่างเข้มแข็ง ในส่วนของการหล่อหลอมจากครอบครัว ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ เติบโตในครอบครัวชนชั้นกลาง สมาชิกในครอบครัวรับราชการ ซึ่งมีผลต่อทัศนคติในการชีวิตและการทำงาน สำหรับบุคลิกที่โดดเด่นในทัศนะของผู้ให้ข้อมูลโดยส่วนใหญ่มองว่า เป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความ มุ่งมั่น ทุ่มเท ทั้งในการเรียนรู้ และการใช้ชีวิต สำหรับอุปนิสัยเป็นคนมีเมตตามีคุณธรรม มีความยุติธรรม มีความอดทน และได้รับความไว้วางใจจากบุคคลสำคัญ ให้ปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญต่อประเทศชาติในระดับสูงสุดหลายครั้งหลายครา สำหรับเกียรติประวัติภายหลังการดำรงตำแหน่งในระดับสูง คือ ได้รับคัดเลือกเป็นนิสิตเก่าดีเด่นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนักเรียนทุนรัฐบาลดีเด่น
(2) บทบาทผู้นำของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ในการดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานวุฒิสภา (leadership) ผู้ให้ข้อมูลในภาพรวมเห็นพ้องกันว่า เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมในการเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติทั้งจากพฤติกรรมและคุณสมบัติเฉพาะตัวสำหรับลักษณะเชิงพฤติกรรมการเป็นผู้นำที่สำคัญต่อการดำรงตำแหน่งหลายประการ ได้แก่ การวางตัวเป็นกลาง ไม่มีคู่ขัดแย้งในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองมีความรุนแรง มีความเป็นผู้นำ จิตใจดีน่าเคารพ และเป็นที่ยอมรับจากผู้ร่วมภารกิจ มีความอดทน ประนีประนอม และเข้มแข็งในเวลาอันเหมาะสม ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานวุฒิสภา ของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ มีการแสดงบทบาทผู้นำคล้ายคลึงและแตกต่างกันบ้างในบางส่วน คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความสำคัญกับการออกกฎหมายเพื่อปฏิรูปการเมืองซึ่งถือว่ามีความเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ ขณะที่วุฒิสภาทำหน้าที่ออกกฎหมาย แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญต่าง ๆ เช่น พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งหรือถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง ร่วมกับฝ่ายบริหารในการพัฒนาประเทศ ฯลฯ ทำให้การปฏิบัติงานจึงมีความสัมพันธ์กับกลไกทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดินตามกฎหมายที่ค่อนข้างหลากหลาย บทบาทการนำของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ จึงเป็นไปหลายรูปแบบและทำให้การบริหารกิจการงานสภาทั้งสองจึงให้ผลแตกต่างกันในบางครั้ง โดยการทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภา เกิดอุปสรรคในบางครั้ง เนื่องจากการแสดงพฤติกรรมการไม่เคารพการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแสดงทางการเมือง เป็นต้น สะท้อนถึง การเป็นผู้นำที่ยังไม่เด็ดขาดในบางครั้งจากจังหวะในการระงับการถกเถียงในการประชุม ที่ทำให้สภาอาจไม่บรรลุเป้าหมายของการประชุม และในด้านการบริหารอำนาจผ่านการมอบหมายและสั่งการ ซึ่งยังไม่สามารถสร้างสมดุลในการมอบหมายสั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก
(3) การประเมินความเป็นผู้นำของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ในการดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานวุฒนิสภา (leaderization) จากข้อมูลของผู้ให้สัมภาษณ์เห็นตรงกันว่าการปฏิบัติงานของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ ในหน้าที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานวุฒิสภา มีความคล้ายคลึงกันในลักษณะของภารกิจ คือ เป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติเช่นเดียวกัน หากแต่องค์ประกอบของสถาบันทั้งสองมีความแตกต่างกันอยู่บ้างจากที่มาของสมาชิกภายในสถาบันและบทบาทหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้งสอง สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นไปได้อย่างคล่องตัวจากความเป็นเอกภาพของสภากลยุทธ์เพื่อรักษาการนำหรือการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ จึงเน้นการใช้กลยุทธ์เฉพาะตัวและเน้นการแลกเปลี่ยนความต้องการและความคิดเห็นกับสมาชิกอย่างสม่ำเสมอ มีการใช้กลยุทธ์ความโปร่งใสและประนีประนอม กลยุทธ์การมีส่วนร่วม กลยุทธ์ความสุภาพน่าเคารพ กลยุทธ์จากความรู้เฉพาะทางด้านกฎหมาย เป็นต้น กลยุทธ์เหล่านี้ถือเป็นวิธีการที่สนับสนุนให้ศาสตราจารย์พรเพชรฯ สามารถสร้างการมีส่วนร่วมและความเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกภาพ ขณะที่วุฒิสภาแม้ว่าจะมีที่มาจากการแต่งตั้งหากแต่ความหลายหลายและภารกิจงานของวุฒิสภายังมีภารกิจที่หลากหลาย การปฏิบัติหน้าที่จึงมีกลยุทธ์ในหลายรูปแบบ อาทิ กลยุทธ์เฉพาะตัว ที่เน้นความรู้ความสามารถเฉพาะทางด้านกฎหมาย ความประนีประนอม โปร่งใส และมีส่วนร่วม ขณะเดียวกันก็มีการเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงทุกครั้งที่ต้องดำเนินภารกิจ ซึ่งเป็นบุคลิกเชิงพฤติกรรมที่ได้รับการพัฒนามาโดยตลอด กลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่แสดงออกในบทบาทผู้นำประนีประนอมและผู้นำที่เข้มแข็งเด็ดขาดตามจังหวะของสถานการณ์มีทั้งความขัดแย้งและความร่วมมือ รวมถึงในบางครั้งยังมีการปล่อยให้สถานการณ์ปัญหาดำเนินตัวเองไปโดยคำนึงถึงเป้าหมายที่ภารกิจต้องการบรรลุความต้องการเป็นหลักสำคัญ นอกจากนี้ในสถานะการปฏิบัติงานประธานวุฒิสภา ยังมีการใช้กลยุทธ์ที่นำไปสู่การนำแบบยั่งยืนด้วยการเน้นหลักความยุติธรรมตามกฎหมายและให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายค่อนข้างมาก เพื่อให้สภาเป็นพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนระหว่างสมาชิกอย่างสมดุล เพื่อให้ภารกิจของสภามบรรลุผลสำเร็จ
แต่ในอีกทางหนึ่งพบว่า เมื่อมีการประชุมวุฒิสภาหรือมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ สามารถแสดงบทบาทความเป็นผู้นำและมีการปรับตัวตามสถานการณ์ในการดำเนินกิจการสภาได้เป็นอย่างดีแทบทุกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันการดำเนินกิจการสภา ในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ต้องใช้ความพยายามจะควบคุมการประชุมให้สงบเรียบร้อย เนื่องด้วยมีสมาชิกสภาบางส่วนที่คอยยั่วยุ หรือสร้างความไม่สะดวกในการดำเนินกิจการสภาทั้ง 2 สภา ซึ่งถือเป็นความท้าทายในการแสดงบทบาทความเป็นผู้นำ ถึงแม้ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ จะพยายามปรับตัวตามสถานการณ์และใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ในการดำเนินกิจการสภาแต่ก็ยังพบว่า ความสุขุม นุ่มนวล ประนีประนอม เปิดใจยอมรับฟังผู้อื่น ยังไม่สามารถทำให้กิจการสภาดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร อีกทั้งคุณลักษณะเฉพาะของตัวศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ ที่แสดงออกส่งผลถึงการรับรู้ของบุคคลบางกลุ่มและสะท้อนว่า สิ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร ฯ คือบุคลิกส่วนตัวของศาสตราจารย์พิเศษพรเพชรฯ ไม่ค่อยแสดงความเป็นกันเอง ขาดปฏิสัมพันธ์ต่อคนหมู่มาก จึงทำให้บุคคลทั่วไปไม่สามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับท่านได้อย่างตรงไปตรงมาอีกทั้งบุคลิกความเป็นคนผู้นำที่ตรงไปตรงมา แต่ขาดวาทศิลป์ในการจัดการจึงก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจอันดีกับเพื่อนสมาชิกสภาเช่นเดียวกัน