Abstract:
งานวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed methods research) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) การสื่อสารภาวะผู้นำของผู้นำองค์กร Gen Y 2) การรับรู้และความคาดหวังของพนักงานองค์กร (Gen Y และ Z) ต่อการสื่อสารภาวะผู้นำของผู้นำองค์กร Gen Y และ 3) การมีส่วนร่วมของพนักงานองค์กร (Gen Y และ Z) ในธุรกิจครอบครัวแบบ SMEs ยุคดิสรัปชั่น ผู้วิจัยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research method) เป็นหลัก โดยเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างพนักงาน Gen Y และ Gen Z จากโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวแบบ SMEs ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 200 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบสมัครใจ (volunteer sampling) และวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research method) โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) กลุ่มตัวอย่างผู้บริหาร Gen Y พนักงาน Gen Y และ Gen Z จากโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวแบบ SMEs ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลุ่มละ 3 คน รวมจำนวน 9 คน
ผลการศึกษาพบว่า:
1.ในยุคดิสรัปชันที่สร้างความผันผวนทางเศรษฐกิจ กลุ่มตัวอย่างผู้บริหาร Gen Y ในธุรกิจครอบครัวแบบ SMEs พบความท้าทายด้านความแตกต่างในการทำงานของสมาชิกองค์กร และการบริหารที่แตกต่างจากผู้บริหารรุ่นก่อน ด้วยอายุและประสบการณ์ในการบริหารงานที่ไม่มาก คุณลักษณะสำคัญที่สะท้อนภาวะผู้นำที่กลุ่มตัวอย่างสื่อสารออกไป ได้แก่ การรับฟังและเปิดโอกาสให้สมาชิกองค์กรแสดงความคิดเห็น ความใส่ใจและเข้าใจต่อสมาชิกองค์กร ความชัดเจนในการตัดสินใจและวิสัยทัศน์ผู้นำ และความสามารถในการบริหารคน
2.กลุ่มตัวอย่างพนักงาน Gen Y และ Gen Z รับรู้การสื่อสารภาวะผู้นำของผู้นำองค์กร Gen Y ในหมวดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เป็นอันดับหนึ่ง ในระดับมากที่สุด (x̄ = 3.40; SD = 0.69 ) รองลงมาคือหมวดการแสดงถึงวิสัยทัศน์และกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ในระดับมากที่สุด (x̄ = 3.37; SD = 0.66) ในขณะที่คาดหวังต่อการสื่อสารภาวะผู้นำของผู้นำองค์กร Gen Y ในหมวดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเป็นอันดับหนึ่ง ในระดับมากที่สุด (x̄ = 3.41; SD = 0.69) รองลงมาคือหมวด การให้ความเคารพและแสดงความห่วงใยต่อบุคลากร ในระดับมากที่สุด (x̄ = 3.39; SD = 0.71) เมื่อเปรียบเทียบการรับรู้และความคาดหวังต่อคุณลักษณะการสื่อสารภาวะผู้นำของผู้นำองค์กร Gen Y ระหว่างพนักงาน Gen Y กับ Gen Z พบว่า ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 พนักงาน Gen Z (22-26 ปี) รับรู้ว่าผู้นำองค์กรมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีมากกว่า Gen Y ตอนต้น (34-43 ปี) นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าผู้นำองค์กรจะมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์แก่พนักงานในการแก้ไขปัญหามากกว่า Gen Y ตอนปลาย (27-33 ปี) และมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และ จะต้องมีความยืดหยุ่นในการแก้ไขปัญหามากกว่า Gen Y ตอนต้น (34-43 ปี) อีกด้วย
3.การรับรู้กลุ่มตัวอย่างพนักงาน Gen Y และ Gen Z ต่อการสื่อสารภาวะผู้นำของผู้บริหารเจน Y ในมิติต่างๆ เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของพนักงานกับองค์กรในทุกด้าน โดยทำให้อยากจะพัฒนาตนเองอยู่เรื่อยๆ เพื่อการเติบโตขององค์กรเป็นอันดับหนึ่ง ในระดับมากที่สุด (x̄ = 3.37; SD = 0.70) รองลงมาคือทำให้รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานกับองค์กร ในระดับมากที่สุด (x̄ = 3.35; SD = 0.64)
ในการทดสอบสมมติฐานด้วยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน พบว่า ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 การรับรู้ต่อคุณลักษณะการสื่อสาร ความสัมพันธ์เชิงบวกกับการมีส่วนร่วมในองค์กรของพวกเขาในทุกๆ มิติ เป็นการยอมรับสมมติฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับรู้ด้านการให้ความเคารพและแสดงความห่วงใยต่อบุคลากร มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการทำให้พนักงานรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานกับองค์กร และภาพรวมการเติบโตขององค์กรในอนาคตในแง่บวกเสมอ ในระดับ “ปานกลาง” ถึง “สูง” (r=0.5 ถึง 0.7)