Abstract:
แม้ว่าจะมีกฎหมายกำหนดให้ความคุ้มกันแก่กองกำลังสหประชาชาติในการปฏิบัติการเพื่อสันติภาพจากเขตอำนาจศาลภายในของรัฐผู้รับกองกำลังทหาร แต่จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นคดีขึ้นศาลพบว่า การกระทำอาชญากรรมระหว่างประเทศเป็นข้อยกเว้นประการหนึ่งของการอ้างความคุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมระหว่างประเทศที่ร้ายแรงอันได้แก่ อาชญากรรมอันเป็นการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติอาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ข้อยกเว้นเกี่ยวกับอาชญากรรมข้างต้นนี้ ทำให้ศาลอาญาระหว่างประเทศอาจมีเขตอำนาจศาลเหนือสมาชิกในสังกัดกองกำลังสหประชาชาติหรือผู้รักษาสันติภาพได้ ภายใต้ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ การให้ความคุ้มครองและเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมระหว่างประเทศที่ร้ายแรงดังกล่าวข้างต้น อันเป็นอาชญากรรมที่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ ในกรณีที่รัฐภาคีธรรมนูญกรุงโรมไม่สามารถหรือไม่สมัครใจดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในศาลภายในได้เอง ทั้งนี้ เพื่อมิให้ผู้กระทำผิดอ้างความคุ้มกันใดๆ ได้ ในปี ค.ศ. 2002 ได้มีมติคณะมนตรีความมั่นคงเพื่อยกเว้นผู้รักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ซึ่งมาจากรัฐที่ไม่เป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมจากเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ จากการศึกษาพบว่า การออกมติดังกล่าวเป็นการบั่นทอนการใช้เขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศโดยไม่สอดคล้องกับกฎบัตรสหประชาชาติและธรรมนูญกรุงโรม อีกทั้ง มติยังทำให้มีผลกระทบต่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นการขัดต่อหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ จึงถือได้ว่ามติดังกล่าวขัดกับวัตถุประสงค์ของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะอ้างความคุ้มกันตามมติลดน้อยลงด้วยการปฏิบัติของประเทศสหรัฐอเมริกาจากการทำสนธิสัญญาทวิภาคีว่าด้วยความคุ้มกัน เพื่อจะไม่ส่งคนชาติของประเทศภาคีสนธิสัญญาขึ้นสู่การพิจารณาคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ