Abstract:
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารการจัดการเกี่ยวกับการข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 2) เพื่อศึกษาการบริหารการจัดการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของพรรคประชาธิปัตย์ 3) เพื่อศึกษาแนวทางในการพัฒนาการบริหารการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของพรรคประชาธิปัตย์ วิธีดำเนินการวิจัยนั้น ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการศึกษาข้อมูลทางเอกสารและการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายแบบเจาะลึก โดยใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง ใช้วิธีการเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1) กลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จำนวน 2 คน 2) กลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 6 คน 3) กลุ่มองค์กรเอกชน จำนวน 1 คน
ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวทางการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและหน่วยงานเอกชนมีความสอดคล้องกันตามกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 2) แนวทางการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของพรรคประชาธิปัตย์มีความสอดคล้องกันตามกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 แต่ในปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์มีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการแบ่งออกเป็นสี่ด้าน (1) ด้านบุคลากร (2) ด้านงบประมาณ (3) ปัญหาด้านวัสดุและเครื่องมือในการปฏิบัติงาน (4) ด้านการบริหารจัดการ 3) แนวทางในการพัฒนาการบริหารการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของพรรคประชาธิปัตย์ การพัฒนาปัญหาด้านบุคลากร ได้แก่ (1) จัดทำหลักสูตรการสอนพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (2) จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วน (3) จัดหาบุคลากรภายนอก ที่มีความรู้โดยตรงและมีความเชี่ยวชาญ การพัฒนาปัญหาด้านงบประมาณ ได้แก่ (1) จัดทำหลักสูตรการสอนพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย (2) โหลดสื่อความรู้จากเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (3) การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยใช้กระดาษแทนเทคโนโลยีชั่วคราว การพัฒนาปัญหาด้านวัสดุและเครื่องมือในการปฏิบัติงาน ได้แก่ การจัดระเบียบการจัดเก็บเอกสารภายในใหม่ การพัฒนาปัญหาในการบริหารจัดการ ได้แก่ (1) การทำลายเอกสาร (2) การประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (3) การประกาศนโยบายและขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆภายใน (4) การจัดทำแบบฟอร์มสำหรับใช้เกี่ยวกับงานด้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล (5) การเตรียมจัดตั้ง DPO (6) การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ กรณีเกิดเหตุละเมิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (7) การจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะสำหรับการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล