Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่สัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการออมเพื่อเตรียมเกษียณอายุของบุคลากรกรมการจัดหางานในพื้นที่ส่วนกลาง และเพื่อศึกษาปัจจัยด้านทักษะทางการเงินที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการออมเพื่อเตรียมเกษียณอายุของบุคลากรกลุ่มดังกล่าว โดยอาศัยกระบวนการวิจัยเชิงปริมาณเป็นหลัก และเพิ่มเติมการวิจัยเชิงคุณภาพให้งานวิจัยนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
จากการศึกษาพบว่า (1) บุคลากรกรมการจัดหางานในพื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่มีการวางแผนการออมเพื่อเตรียมเกษียณอายุ (2) ในกลุ่มบุคลากรทั้งหมด มีเพียงปัจจัยด้านตำแหน่งและรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับการตัดสินใจวางแผนการออมเงินเพื่อเตรียมเกษียณอายุ (3) ในกลุ่มบุคลากรที่มีการวางแผนการออมเพื่อเตรียมเกษียณ ปัจจัยด้านอายุ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน หนี้สิน รายจ่ายชำระคืนหนี้สินเฉลี่ยต่อเดือน มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับจำนวนเงินออม (4) ในกลุ่มบุคลากรที่มีการวางแผนการออมเพื่อเตรียมเกษียณ ปัจจัยด้านอายุ สถานภาพ ตำแหน่ง รายได้เฉลี่ยต่อเดือน รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือน และ หนี้สิน มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญต่อรูปแบบการออม (5) ในกลุ่มบุคลากรทั้งหมด ปัจจัยด้านที่เกี่ยวข้องกับทักษะทางการเงิน พบว่ามีเพียงปัจจัยด้านทัศนคติทางการเงินและพฤติกรรมทางการเงิน ที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการวางแผนการออมเพื่อเตรียมเกษียณอายุ (6) ในกลุ่มบุคลากรที่มีการวางแผนการออมเพื่อเตรียมเกษียณ พบว่ามีเพียงปัจจัยด้านทัศนคติทางการเงินและพฤติกรรมทางการเงิน ที่สัมพันธ์กับจำนวนเงินออม ในขณะที่ (7) ในกลุ่มบุคลากรที่มีการวางแผนการออมเพื่อเตรียมเกษียณ ไม่มีปัจจัยด้านทักษะทางการเงินใดเลยที่สัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญต่อรูปแบบการออมเงินของบุคลากร
ผลลัพธ์ของงานศึกษานี้นำมาซึ่งข้อเสนอแนะว่ากรมการจัดหางานควรดำเนินการสร้างทัศนคติเพื่อปรับพฤติกรรมการออมของบุคลากรผ่านการสร้างแรงบันดาลใจจากบุคลากรภาครัฐที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการเงินและการทำงาน และควรปลูกฝังให้เห็นถึงความสำคัญของการบัญชีรายรับรายจ่าย และบัญชีทรัพย์สินของตนเอง