Abstract:
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อปัองกันโรคเอดส์ และศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการใช้ถุงยางอนามัย ประชากรในการศึกษา คือ ผู้ชายอายุระหว่าง 15-59 ปี ที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก การเลือกตัวอย่างใช้วิธีสุ่มแบบหลายขั้นตอน ได้จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 585 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้วิธีสัมภาษณ์จากแบบสอบถาม ผลการศึกษา พบว่าผู้ตอบประมาณ 3 ใน 4 ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ ส่วนกับเพื่อนหญิงหรือคนรัก พบว่าผู้ตอบประมาณ 2 ใน 5 ใช้ถูงยางอนามัยทุกครั้ง แต่ผู้ตอบเพียงส่วนน้อยหรือร้อยละ 4.4 ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับภรรยา จากการวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระดับ 2 ตัวแปรด้วยตารางไขว้ พบว่า ปัจจัยภูมิหลังเกี่ยวกับอายุ สถานภาพสมรส การศึกษา อาชีพ รายได้ มีความสัมพันธ์ต่อการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ <=0.05 ส่วนผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบหลายตัวแปรด้วยการวิเคราะห์ถดถอยโลจิท แบบจำลองที่ 1 ศึกษาเฉพาะตัวแปรอิสระปัจจัยภาวะคุกคาม ปัจจัยความคาดหมายและปัจจัยชักนำให้เกิดการปฏิบัติ พบว่าไม่มีตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์กับการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยแบบจำลองที่ 1 สามารถอธิบายการแปรผันของการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ได้ ร้อยละ 1.3 ส่วนแบบจำลองที่ 2 ศึกษาตัวแปรอิสระทุกตัวพร้อมกันกับการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ พบว่าตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์กับการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ สถานภาพสมรส โดยแบบจำลองที่ 2 สามารถอธิบายการแปรผันของการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ได้ ร้อยละ 24.0