การพัฒนาแบบทดสอบทักษะวอลเลย์บอล สำหรับคัดเลือกนักกีฬาหญิงในโรงเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาแบบทดสอบทักษะวอลเลย์บอล สำหรับคัดเลือกนักกีฬาหญิง ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง จำนวน 60 คน จาก 5 โรงเรียน คือ โรงเรียนสตรีนนทบุรี, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (นนทบุรี), โรงเรียนบ้านหมี่วิทยา, โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย และโรงเรียนชัยนาทพิทยา กลุ่มที่ 2 เป็นนักเรียนหญิงที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาจำนวน 24 คน ของโรงเรียนเสนา”เสนาประสิทธิ์” โดยวิธีสุ่มแบบเฉพาะเจาะจงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบทดสอบที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ประกอบด้วย แบบทดสอบ 7 รายการ คือ การยืนกระโดดสูง, การเล่นลูกสองมือล่าง, การแตะชูลูก, การตบ, การสกัดกั้น, และการตบโดยมีผู้สกัดกั้น และได้นำผลการทดสอบไปหาคุณภาพของแบบทดสอบโดยการหา ความตรง, ความเที่ยง, ความเป็นปรนัย และการวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1. แบบทดสอบมีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาในแต่ละรายการ เท่ากับ 1.00, 1.00, 1.00, 1.00, 1.00, 1.00 และ 0.80 ตามลำดับ 2.ความไวในการสอน (Instructional Sensitivity) พบว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนฝึก และหลังฝึกมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3.แบบทดสอบมีค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยง จากการทดสอบซ้ำ (Test-Retest) มีค่าเท่ากับ .91, .91, .89, .91, .91, .83 และ .76 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.001 4.แบบทดสอบมี ค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยงจากวิธีการหาความเที่ยงจากผู้ประเมิน (Interater reliability) มีค่าเท่ากับ .99 ทุกรายการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทางที่ระดับ .01 5.การหาความเป็นปรนัย 5.1 การประเมินของผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 5 ท่าน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5.2 การประเมินของผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่าน และการประเมินโดยเฉลี่ยของผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 5 ท่าน มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ .97 และ .99 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 6.การวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณของผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 5 ท่าน กับคะแนนที่ทำได้ของการทดสอบ และเกณฑ์การตัดสินของผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01