การศึกษาระบบภาษีทางเลือกสำหรับเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทย

Abstract

ปัจจุบันราคาทองคำได้มีราคาเพิ่มสูงขึ้น จะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมาราคาทองคำในตลาดโลกได้มีการขยับขึ้นมาประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ จากราคาประมาณ 1,250 เหรียญ/ออนซ์ เป็น 1,750 เหรียญ/ออนซ์ แต่เนื่องจากระบบการจัดเก็บภาษีแร่ทองคำในปัจจุบันโดยยึดถือปริมาณการผลิตเป็นหลัก (Production based) ซึ่งมีการเก็บค่าภาคหลวงแบบ Sliding scale นั้นทำให้สัดส่วนรายได้ของภาครัฐต่อกำไรทั้งหมดลดลง (Regressive system) เมื่อบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น ในงานวิทยานิพนธ์นี้ ได้ศึกษาถึงวิธีการจัดเก็บภาษี 3 รูปแบบ คือการจัดเก็บภาษีในแบบปัจจุบัน (Production based) ซึ่งมีการเก็บค่าภาคหลวงแบบ Sliding scale, การจัดเก็บภาษีจากกำไรของทองคำที่ผลิตได้ร่วมกับค่าภาคหลวง (Profit based with royalty) และการจัดเก็บภาษีจากกำไรของทองคำที่ผลิตได้ (Profit based without royalty) ซึ่งผลการศึกษาพบว่าการจัดเก็บภาษีจากกำไรของทองคำที่ผลิตได้ (Profit based without royalty) นั้นจะทำให้สัดส่วนรายได้ของภาครัฐต่อกำไรทั้งหมดเพิ่มขึ้น (Progressive system) เมื่อราคาทองเพิ่มขึ้นและบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเหมาะสมที่ภาครัฐจะนำหลักการจัดเก็บภาษีดังกล่าวมาใช้ในการจัดเก็บภาษีกับภาคเอกชน หลังจากนั้นได้ทำการวิเคราะห์การจัดเก็บภาษีจากกำไรของทองคำที่ผลิตได้ (Profit based without royalty) ถึงเปอร์เซ็นต์อัตราผลตอบแทนของโครงการจะเห็นว่ามีค่ามากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ และวิเคราะห์ถึงมูลค่าปัจจุบันสุทธิที่ 20 เปอร์เซ็นต์ซึ่งมีค่าเป็นบวก