Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/32284
Title: | การล้างดินปนเปื้อนตะกั่วและโครเมียมด้วยอีดีทีเอและทวีน 80 |
Other Titles: | Washing of soil contaminated with lead and chromium by EDTA and TWEEN 80 |
Authors: | นวพร เทศทศพร |
Advisors: | พันธวัศ สัมพันธ์พานิช |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย |
Advisor's Email: | pantawat.s@chula.ac.th |
Subjects: | การกำจัดสารปนเปื้อนในดิน ตะกั่ว โครเมียม Soil remediation Lead Chromium |
Issue Date: | 2553 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การล้างดินปนเปื้อนตะกั่ว และโครเมียมด้วยสารคีเลตคือ EDTA และสารลดแรงตึงผิวคือ TWEEN 80 โดยทำการศึกษาที่ระดับความเข้มข้นของสาร EDTA และ TWEEN 80 เท่ากับ 8, 16 และ 32 มิลลิโมลต่อกิโลกรัมดิน ใช้ดินตัวอย่างครั้งละ 20 กรัม ใส่ในสารละลาย 200 มิลลิลิตร ปรับ pH เท่ากับ 2, 4, 6, 8 และ 10 ทำการเขย่าที่อัตราเร็วรอบเท่ากับ 90, 120 และ 150 rpm และเก็บตัวอย่างสารละลายที่เวลา 15, 30, 60, 90, 120, 180 และทุกๆ 3 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง จนกว่าถึงจุดสมดุลสาร และทำการเก็บตัวอย่างน้ำไปวิเคราะห์หาปริมาณตะกั่ว และโครเมียมทั้งหมด ผลการศึกษาพบว่า เวลาในการสมดุลสารของทุกการทดลองคือ 30 นาที โดยการล้างดินด้วย EDTA สามารถกำจัดตะกั่วได้สูงสุด 80.55% ที่ระดับความเข้มข้น 32 มิลลิโมลต่อกิโลกรัมดิน pH 8 อัตราเร็วการเขย่าเท่ากับ 90 rpm และสามารถกำจัดโครเมียมได้สูงสุด 38.54% ที่ระดับความเข้มข้น 32 มิลลิโมล pH 10 อัตราเร็วการเขย่าเท่ากับ 120 rpm ส่วนการล้างดินด้วย TWEEN 80 นั้น สามารถกำจัดตะกั่วได้สูงสุด 19.53% ที่ระดับความเข้มข้น 8 มิลลิโมลต่อกิโลกรัมดิน pH 2 และสามารถกำจัดโครเมียมได้สูงสุด 9.86% ที่ระดับความเข้มข้น 32 มิลลิโมลต่อกิโลกรัมดิน pH 10 และมีอัตราเร็วการเขย่าเท่ากับ 150 rpm เช่นเดียวกัน ส่วนการล้างดินด้วยสารละลายผสมสามารถกำจัดตะกั่วได้มากที่สุด62.43% ที่ระดับความเข้มข้นที่เหมาะสม pH 4 อัตราเร็วการเขย่าเท่ากับ 150 rpm และสามารถกำจัดโครเมียมได้สูงสุด 27.58% ที่ระดับความเข้มข้นที่เหมาะสม pH 6 อัตราเร็วการเขย่าเท่ากับ 120 rpm สำหรับการล้างดินที่สามารถกำจัดตะกั่ว และโครเมียมได้มากที่สุดนั้น คือ การล้างดินด้วย EDTA ก่อน แล้วตามด้วย TWEEN 80 โดยสามารถกำจัดตะกั่ว และโครเมียมได้สูงที่สุด 94.78% และ 50.77% ตามลำดับ ที่ระดับความเข้มข้น pH และอัตราเร็วการเขย่าที่เหมาะสม ผลการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่า สารคีเลตมีประสิทธิภาพในการกำจัดตะกั่ว และโครเมียมได้มากกว่าสารลดแรงตึงผิว และเมื่อใช้สารสองชนิดร่วมกัน สามารถกำจัดตะกั่ว และโครเมียมได้ดีกว่าการใช้สาร EDTA หรือ TWEEN 80 อย่างเดียว |
Other Abstract: | This paper presents a comparison of the efficiency of chelating agent and surfactant for removal of lead and chromium from contaminated soil. EDTA was selected for chelating agent and TWEEN 80 was selected for surfactant. Concentrations of 8, 16 and 32 mmol/kg soil were examined. This study used 20 g. of contaminated soil and 200 ml. of EDTA and TWEEN 80 as washing solution, The pH values varied among 2, 4, 6, 8 and 10. Sample solution were shaken at 90,120 and 150 rpm after 15, 30, 60, 90, 120, 180 minutes and every 3 hours until substances were equilibrium at room temperature and then analyses followed. This study shows that substances equilibrium at 30 minutes. Soil washing with EDTA solution showed the best result at a concentration of 32. mmol/kg soil pH 8 and shaken at 90 rpm. This combination removed 80.55% of the lead and chromium at concentration of 32 mmol/kg soil at pH 10 and 120 rpm removed 38.54%. Soil washing with TWEEN 80 solution at 8 mmol/kg soil and pH 2 removed 19.53% of the lead and concentration of 32 mmol/kg soil and pH 10 removed 9.86% of the chromium when each were shaken at 150 rpm. Soil washing with mixing solution removed 62.43% lead at pH 4 when shaken at 150 rpm. For chromium, pH 6 and shaken at 120 rpm removed 27.58%. Washing with EDTA followed by TWEEN 80 could removed 94.78% of lead and 50.77% of chromium at the most effective concentrations of pH and rpm. This study indicates EDTA followed by TWEEN 80 is more effective for removing metal than using either method alone. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553 |
Degree Name: | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (สหสาขาวิชา) |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/32284 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2010.1513 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2010.1513 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Grad - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
nawaporn_th.pdf | 2.31 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.