Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/33615
Title: | อภิปรัชญาของกฤษณะมูรติ |
Other Titles: | The metaphysics of krishnamurti |
Authors: | ดิเรก วังชากร |
Advisors: | วิจิตร เกิดวิสิษฐ์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย |
Issue Date: | 2531 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | จากการวิจัยปรัชญาของกฤษณมูรติ ตามสมมติฐานที่ผู้วิจัยได้ตั้งไว้ว่า ในการนำเสนอผลงานทางความคิดในแง่มุมต่าง ๆ ที่หลากหลายของเขานั้น น่าจะมีแนวคิดทางอภิปรัชญาเป็นความเชื่อพื้นฐาน ผู้วิจัยได้พบว่า กฤษณมูรติเชื่อว่ามีความจริงแท้อยู่ ความจริงแท้นั้นก็คือสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นเอกภาพไม่มีการแบ่งแยก เข้าปฏิเสธระบบคิดและข้อสรุปใด ๆ ว่าไม่ใช่ความจริงแท้ โดยเห็นว่าข้อสรุปที่เกิดจากความคิดหรือระบบคิดของคนเราไม่อาจทำให้เรารับรู้ความจริงแท้นี้ได้ ทั้งนี้เพราะความจริงแท้ของเขามีลักษณะเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่อย่างเป็นเอกภาพทั้งหมด และกำลังเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเขามีลักษณะเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่อย่างเป็นเอกภาพทั้งหมด และกำลังเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเราไม่สามารถจะรับรู้มันได้ด้วยประสบการณ์และเหตุผล จากความเชื่อพื้นฐานนี้ เขาเห็นว่า มีสภาวะอย่างหนึ่งที่ความคิดได้สร้างขึ้นมา ซึ่งได้แก่กาลเวลาทางจิตและอวกาศที่คับแคบด้วยจุดศูนย์กลางของความเป็นตัวตน สิ่งเหล่านี้เป็นมายาที่ปิดบังการเห็นความจริง ตามวัตถุประสงค์ในการศึกษาและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างอภิปรัชญากับผลงานทางความคิดของเขาในด้านต่าง ๆ นั้น ผู้วิจัยพบว่า กฤษณมูรติมีความเชื่อทางอภิปรัชญาเป็นความเชื่อพื้นฐานในการมองปัญหา และการเสนอการแก้ไขปัญหา เขาเชื่อว่าปัญหาเกิดจากการที่มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ความจริงแท้ได้ เพราะความคิดได้สร้างมายาขึ้นมาปิดบังการรับรู้ ทำให้เกิดความขัดเย้งระหว่างความจริงแท้กับสิ่งที่ความคิดสร้างขึ้นมา ในการแก้ไขปัญหานั้นเขาเสนอให้รับรู้ความจริงแท้โดยการรับรู้โดยตรงและทันทีทันใดเป็นการรับรู้ในตัวตนผ่านการใส่ใจทั้งหมดต่อสิ่งที่เป็นอยู่อย่างที่มันเป็น ไม่มีการเลือกซึ่งแสดงถึงเจตจำนงอันเกิดจากความคิด วิธีการรับรู้ดังกล่าวนี้เขาเรียกว่าปัญหา เมื่อเห็นจริงแท้ กระบวนการทางความคิดสร้างมายายุติลง ความขัดแย้งยุติลงนั่นคือปัญหายุติลง อาจสรุปตามสมมติฐานที่ได้ตั้งไว้ว่า กฤษณมูรติมีอภิปรัชญาของเขาเองในการมองปัญหาต่าง ๆ ของมนุษย์ และเขาได้เสนอแนวทางตามทรรศนะของเขาในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น |
Other Abstract: | The proposed hypothesis of this research is that there must be methaphysical concepts as the basis of Krishnamurti’s belief in presenting his philosophical works. It has been found, however, from the research that Krishnamurti has actually a firm belief in the existence of certain truth or reality which are things as they actually are in nature with their uniqueness and wholeness. He rejects every systematic conclusion about reality resulted from a systematic thinking as it cannot lead to a real knowledge of truth. According to him truth is a unique wholeness which is always changing. It can never be known by experience or through a systematic reasoning. He maintains that there are states created by thought, i.e. the phychological time and limited space centred round the self. These two things act as illusion over reality preventing it from being correctly discerned. From a critical analysis of the relationship between his methaphysics and his philosophical thoughts, it is found that Krishnamurti has his own methaphysics in viewing and solving problems. He believes that all kinds of problem result from human’s disability in realizing the actual truth. This is because illusion created by man’s thought covers over reality. All problems, he said, can be solved by direct and immediate perception of reality, a perception of self through the total interest in all things as they really are without discrimination. He calls this method of perception “wisdom”. When truth has been realized, the process of thought, conflict and all problems come to an end. Conclusion can be drawn in accordance with the proposed hypothesis that Krishnamurti has his own methaphysics in viewing human problems and proposing the way to solve them. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (อ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531 |
Degree Name: | อักษรศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | ปรัชญา |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/33615 |
ISBN: | 9745693596 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Grad - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Direk_wa_front.pdf | 645.39 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Direk_wa_ch1.pdf | 3.01 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Direk_wa_ch2.pdf | 4.07 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Direk_wa_ch3.pdf | 3.2 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Direk_wa_ch4.pdf | 1.46 MB | Adobe PDF | View/Open | |
Direk_wa_ch5.pdf | 965.14 kB | Adobe PDF | View/Open | |
Direk_wa_back.pdf | 339.35 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.