Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/46223
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorวันชัย มงคลประดิษฐen_US
dc.contributor.authorศสินี เตียงธวัชen_US
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์en_US
dc.date.accessioned2015-09-18T04:23:17Z-
dc.date.available2015-09-18T04:23:17Z-
dc.date.issued2557en_US
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/46223-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (สถ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2557en_US
dc.description.abstractการศึกษาวิจัยนี้ มีเป้าหมายในการศึกษาแนวคิด หลักคติทางพุทธศาสนาที่สอดแทรกอยู่ในกระบวนการสถาปัตยกรรมของเรือนพื้นถิ่นซึ่งสะท้อนถึงภูมิปัญญาในการก่อเกิดกระบวนการ วิธีการ ของการสร้างสภาพแวดล้อมที่ใช้อยู่อาศัยในอดีต ในบริบทของกรณีศึกษาชุมชนพุมเรียงตั้งอยู่ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ที่พุทธศาสนาประดิษฐานมายาวนานตั้งแต่สมัยศรีวิชัยจวบจนปัจจุบัน ชุมชนพุมเรียงเป็นบ้านเกิดของพระธรรมโกศาจารย์หรือที่รู้จักในนามพุทธทาสภิกขุ พุมเรียงมีชื่อเสียงในการเป็นศูนย์การศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและเรียนบาลี และตามคำบอกเล่าของท่านพุทธทาสชาวบ้านมีความตื่นตัวในการศึกษาหลักธรรมเช่นกัน พุมเรียงจึงเป็นชุมชนหนึ่งที่มีองค์ประกอบของสังคมพุทธที่น่าศึกษาซึ่งกระบวนการการสร้างสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัย จากการศึกษาภูมิปัญญาสถาปัตยกรรมในอดีต วิธีการศึกษาเก็บข้อมูล ทำโดยการเก็บข้อมูลจากเอกสารด้านประวัติความเป็นมาของชุมชน, หลักคติพุทธศาสนา และลงพื้นที่สำรวจเรือนไม้เก่าแก่ เลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 8 หลัง เพื่อศึกษารูปแบบสถาปัตยกรรม และศึกษาเพิ่มเติมในรายละเอียดขององค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม และพื้นที่ใช้สอยภายในเรือนโดยวิเคราะห์ในบริบทของคติพุทธ โดยศึกษารายละเอียดจากเรือนตัวแทนกรณีศึกษาจำนวน 3 หลัง ผลการศึกษาพบประเด็นที่น่าสนใจคือ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ สถาปัตยกรรมและธรรมชาติ ในบริบทของพุทธศาสนาธรรมชาติสะท้อนถึงหลักความจริงแท้ของสรรพสิ่งที่เชื่อมโยงกันอย่างพึ่งพาทั้งทางตรงและทางอ้อม(อิทัปปัจจยตา) ชาวพุทธเรียนรู้การอยู่ร่วมกับธรรมชาติในวิถีของการพึ่งพิง พึ่งพา และเคารพต่อกันซึ่งทำให้เกิดความสมดุลในการอาศัยร่วมกัน หลักคิดนี้สร้างหลักการและวิธีการดำเนินกิจใดๆที่ก่อเกิดเป็นรูปแบบ สูตร คติความเชื่อ ซึ่งมีเป้าหมายให้เกิดความพอดี เหมาะสมในการดำเนินชีวิต ก่อให้เกิดความสงบเย็นแก่กายและใจ (สัปปายะและสงบ) นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมที่เป็นสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยยังแสดงให้เห็นลักษณะของการเชื่อมโยง มนุษย์สู่ธรรมชาติผ่านพื้นที่ของเรือนที่มีลักษณะเป็นพื้นที่กึ่งภายใน-ภายนอก เป็นวิธีการใช้ธรรมชาติสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบเย็นแก่ขอบเขตมณฑลที่ใช้อยู่อาศัยen_US
dc.description.abstractalternativeThis study aimed to investigate the Buddhism concepts underlying the architectural process of vernacular houses reflecting the indigenous knowledge behind the creation of living environments in the past. The Phumriang community in Chaiya District, Surat Thani Province was the case study. Buddhism took root in this area during the Sri Vichai era and this community was the birthplace of Phra Thammakosajarn or Buddhadasa Bhikkhu. Widely known as a study center for Buddhism and Bali, Phumriang residents are eager to learn the buddhist principles. As a result, the living environment of Phumriang – a Buddhist community – should be studied based on the architectural indigenous knowledge. The data were collected through documents related to the history of this community, Buddhist principles and a field survey of 80-120-year-old wooden houses, eight of which were selected for this purpose. Also, some architectural aspects were studied in detail. The functional areas were studied according to the Buddhist principles. An interesting issue worth pointing out is the relationship between man, architecture and nature in the context of Buddhism and nature. This relationship reflects the fact that both living things and non-living things have to depend on one another directly and indirectly (Itap-patjayata). Buddhists learn to live with nature through reliance on, dependence on and respect of each other so that they can live in harmony and in balance. Such concepts formulate patterns and beliefs aiming to create balance in the way of life, soothing the mind and the body (Sappaya). In addition, the architecture that creates the living environment also indicates the bonding between man and nature through the house that looks half inside and half outside(in-between space). This is a way to harness nature to create the tranquility of the living boundary.en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.relation.urihttp://doi.org/10.14457/CU.the.2014.1102-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น -- สุราษฎร์ธานี -- ไชยา -- พุมเรียง
dc.subjectสถาปัตยกรรมพุทธศาสนา -- สุราษฎร์ธานี -- ไชยา -- พุมเรียง
dc.subjectธรรมะ
dc.subjectสถาปัตยกรรมกับศาสนา
dc.subjectสุราษฎร์ธานี -- ไชยา -- พุมเรียง
dc.subjectVernacular architecture -- Surat Thani -- Chaiya -- Phum Riang
dc.subjectBuddhist architecture -- Surat Thani -- Chaiya -- Phum Riang
dc.subjectDharma (Buddhism)
dc.subjectArchitecture and religion
dc.subjectSurat Thani -- Chaiya -- Phum Riang
dc.titleคติพุทธในเรือนพื้นถิ่นชาวไทยพุทธ ชุมชนพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานีen_US
dc.title.alternativeBUDDHIST PRINCIPLE OF THAI BUDDHISM VERNACULAR ARCHITECTURE: A CASE STUDY OF PHUMRIANG COMMUNITY, CHAIYA DISTRICT, SURAT THANI PROVINCEen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาโทen_US
dc.degree.disciplineสถาปัตยกรรมen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.email.advisorWonchai.M@Chula.ac.th,w.mongkolpradit@gmail.comen_US
dc.identifier.DOI10.14457/CU.the.2014.1102-
Appears in Collections:Arch - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
5673349025.pdf31.27 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.