Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/58937
Title: Chinese reading proficiency guidelines : a case study of Chulalongkorn University students
Other Titles: แนวทางการกำหนดความสามารถด้านการอ่านภาษาจีน : กรณีศึกษานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Authors: Sansanee Ek-atchariya
Advisors: Suree Choonharuangdej
Prapin Manomaivibool
Other author: Chulalongkorn University. Faculty of Arts
Advisor's Email: Suree.C@Chula.ac.th
No information provided
Subjects: Chinese language -- Reading
Chinese language -- Study and teaching
ภาษาจีน -- การอ่าน
ภาษาจีน -- การศึกษาและการสอน
Issue Date: 2006
Publisher: Chulalongkorn University
Abstract: จุดประสงค์ของวิทยานิพนธ์ฉบับนี้คือเพื่อเสนอ "แนวทางการกำหนดความสามารถด้านการอ่านภาษาจีน : กรณีศึกษานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" และเพื่อนำไปใช้เป็นมาตรฐานในการออกแบบการวัดผลทางด้านทักษะการอ่าน รวมทั้งสามารถนำแนวทางนี้ไปใช้ในการอ้างอิงการเขียนตำราที่เกี่ยวข้องกับทักษะด้านการอ่านภาษาจีนได้อีกด้วย ในการวิเคราะห์หลักสูตรวิชาเอกภาษาจีนของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นผู้วิจัยได้นำบทบาททางภาษา 3 ประการของแนวทางกำหนดความสามารถทางด้านภาษาจีนของสภาการสอนภาษาต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ American Council on the Teaching of Foreign Languages (ACTFL) Chinese Proficiency Guidelines มาเป็นหลักเกณฑ์ในการวิเคราะห์เพื่อแสดงให้เห็นว่า หลังจากที่นิสิตเรียนแต่ละวิชาจบแล้วนั้น นิสิตมีความสามารถด้านการอ่านภาษาจีนเป็นอย่างไร และกำหนดระดับต้น กลาง และสูง ของแต่ละวิชาด้วย สุดท้ายจึงสรุปหลักเกณฑ์ในการแบ่งระดับความสามารถในด้านการอ่านของนิสิตวิชาเอกภาษาจีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นผู้วิจัยทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างแนวทางกำหนดความสามารถทางด้านภาษาจีนของสภาการสอนภาษาต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (ACTFL) กับแนวทางการกำหนดความสามารถด้านการอ่านภาษาจีน : กรณีศึกษานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้วิจัยเห็นว่าการวิเคราะห์เปรียบเทียบนี้มีหลักสำคัญที่ต้องคำนึงถึง 2 ประการคือ 1. การวิเคราะห์ในแนวนอนเพื่อหาข้อแตกต่างระหว่างระดับชั้นของแนวทางกำหนดความสามารถทั้งสอง 2. การวิเคราะห์ในแนวตั้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางด้านการอ่านของผู้เรียน ผลการวิจัยที่ได้รับคือระดับความสามารถทางด้านการอ่านทั้งต้น กลาง และสูงของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยล้วนสูงกว่าระดับความสามารถของแนวทางกำหนดความสามารถทางด้านภาษาาจีนของสภาการสอนภาษาต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (ACTFL) รวมทั้งพัฒนาการทางด้านการอ่านของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็เร็วกว่าอีกด้วย เหตุผลของความแตกต่างระหว่างแนวทางกำหนดความสามารถทั้งสองนี้ ผู้วิจัยตระหนักว่ามีสาเหตุมาจาก 1. แนวทางกำหนดความสามารถด้านการอ่านจัดทำขึ้นเพื่อนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยวิชาเอกภาษาจีนโดยเฉพาะ 2. จุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาเอกภาษาจีน คือ การผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถในด้านภาษาจีน และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ และ 3. ภาษาไทยเป็นภาษาที่อยู่ในตระกูลภาษาเดียวกันกับภาษาจีน คือ ตระกูลภาษาจีน-ธิเบต ซึ่งมักมีระบบเสียงและหลักไวยากรณ์ที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นนิสิตไทยจึงสามารถเรียนรู้ภาษาจีนได้ค่อนข้างเร็ว
Description: Thesis (M.A.)--Chulalongkorn University, 2006
Degree Name: Master of Arts
Degree Level: Master's Degree
Degree Discipline: Chinese as a Foreign Language
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/58937
URI: http://doi.org/10.14457/CU.the.2006.2049
metadata.dc.identifier.DOI: 10.14457/CU.the.2006.2049
Type: Thesis
Appears in Collections:Arts - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
sansanee_ek_front.pdf1.25 MBAdobe PDFView/Open
sansanee_ek_ch1.pdf574.54 kBAdobe PDFView/Open
sansanee_ek_ch2.pdf2.94 MBAdobe PDFView/Open
sansanee_ek_ch3.pdf6.97 MBAdobe PDFView/Open
sansanee_ek_ch4.pdf3.16 MBAdobe PDFView/Open
sansanee_ek_ch5.pdf727.71 kBAdobe PDFView/Open
sansanee_ek_back.pdf8.53 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.