Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/61070
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorศุภลักษณ์ พินิจภูวดล-
dc.contributor.authorปนัดดา ธนวงศากุล-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์-
dc.date.accessioned2018-12-13T03:39:59Z-
dc.date.available2018-12-13T03:39:59Z-
dc.date.issued2560-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/61070-
dc.descriptionเอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560en_US
dc.description.abstractเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีการกำหนดจำนวนสูงสุดที่สามารถใช้ ลดหย่อนภาษีได้ แต่ไม่มีการกำหนดจำนวนสูงสุดที่ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ จึงเกิดกรณีที่ผู้ลงทุนซื้อ เงินลงทุนเกินกว่าสิทธิลดหย่อน หรือไม่ได้นำเงินลงทุนไปใช้สิทธิลดหย่อน หรือเรียกว่าส่วนที่ไม่ได้ใช้ สิทธิลดหย่อนภาษี การถือเงินลงทุนในส่วนที่ไม่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีนั้นจะมีปัญหาว่า เงินลงทุนส่วนที่ ไม่ได้ใช้สิทธิดังกล่าวจะสามารถขายออกไปได้โดยต้องมีเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็น ส่วนที่นำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษี แต่ในทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กลับมีการบังคับว่าเมื่อมีการขายเงิน ลงทุนส่วนที่ไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนออกไปก่อนเงื่อนระยะเวลาบังคับ หากผู้ลงทุนเคยใช้สิทธิลดหย่อน ภาษี จะถือเป็นการผิดเงื่อนไขการลงทุน ด้วยปัญหาดังกล่าวนี้ทำให้ผู้ขายเงินลงทุนในส่วนที่ไม่ได้ใช้ สิทธิลดหย่อนทางภาษีก่อนครบกำหนดเวลาจะถือว่าเป็นการขายโดยผิดเงื่อนไขระยะเวลาการถือ ครอง อีกทั้งต้องมีภาระการจ่ายคืนเงินภาษีและเบี้ยปรับ ทั้งๆที่ส่วนที่ผู้ลงทุนขายออกไปนั้นไม่เคย ได้รับประโยชน์ทางภาษี และการปฏิบัติดังกล่าวหมายความว่าหากผู้ลงทุนไม่ต้องการที่จะต้องเสียภาษี และเงินเพิ่ม ผู้ลงทุนจะต้องถือเงินลงทุนส่วนที่ไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนนี้ไปจนครบกำหนดเวลาเหมือน ส่วนที่ใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษี จากการศึกษาพบว่าปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดจากการขาดแนวทางปฏิบัติเมื่อซื้อเกินสิทธิหรือไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีทาให้เกิดการตีความและบังคับใช้ในทางที่ไม่เป็นธรรมแก่ผู้เสียภาษี หากเปรียบเทียบกับ IRAs ของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้วเห็นว่า มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนทำให้สามารถแยกส่วนที่ใช้สิทธิและไม่ใช้สิทธิลดหย่อนทาง ภาษีออกจากกันได้ ลดการตีความในการบังคับใช้ และสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียภาษีมากกว่า ผู้เขียนจึงเห็นว่าควรที่จะนำแนวทางปฏิบัติของประเทศสหรัฐอเมริกามาปรับใช้กับประเทศไทย โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนนั้นสามารถขายหน่วยลงทุนส่วนที่เกินสิทธิหรือส่วนที่ไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนนั้นออกไปได้ภายในเวลาที่กำหนด โดยไม่ต้องมีโทษทางภาษี ซึ่งจะสร้างความเป็นธรรม ให้แก่ผู้เสียภาษี และผู้จัดเก็บภาษีสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักภาษีอากรที่ดี นอกจากนี้แนวทางปฏิบัติจะส่งเสริมช่วยให้ผู้ลงทุนวางแผนภาษีได้ดีขึ้นด้วยen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.relation.urihttp://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.48-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectกองทุนรวมen_US
dc.subjectการลงทุนen_US
dc.titleปัญหาการขายเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ส่วนที่ไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษีen_US
dc.typeIndependent Studyen_US
dc.degree.nameศิลปศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาโทen_US
dc.degree.disciplineกฎหมายเศรษฐกิจen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.email.authorSupalak.P@Chula.ac.th-
dc.subject.keywordกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพen_US
dc.subject.keywordเงินลงทุนen_US
dc.identifier.DOI10.58837/CHULA.IS.2017.48-
Appears in Collections:Law - Independent Studies

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
598 62064 34.pdf1.5 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.