Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/12043
Title: การกำจัดแคดเมียมจากน้ำเสียโดยใช้ระบบบำบัดบึงประดิษฐ์แบบน้ำขังใต้ดิน
Other Titles: Treatment of cadmium from wastewater using subsurface-flow constructed wetlands
Authors: รัตนา ตรีรัตนภรณ์
Advisors: อรทัย ชวาลภาฤทธิ์
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย
Advisor's Email: Orathai.C@Chula.ac.th
Subjects: น้ำเสีย -- การบำบัด -- การกำจัดแคดเมียม
บึงประดิษฐ์
พื้นที่ชุ่มน้ำ
Issue Date: 2542
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: ศึกษาประสิทธิภาพของระบบบำบัดบึงประดิษฐ์ในการกำจัด แคดเมียมจากน้ำเสียสังเคราะห์ และศึกษาทิศทางในการสะสมแคดเมียมในระบบที่มีตัวกลาง 3 ชนิด ทราย ดินปนทราย และดิน ที่ความเข้มข้นแคดเมียมในน้ำเข้าเท่ากับ 4 5 10 และ 20 มิลลิกรัมต่อลิตร ที่เวลากักน้ำ 5 วัน โดยมีอัตราการไหลของน้ำเข้าเป็น 1 4.4 และ 5 ลิตรต่อวันสำหรับระบบที่มีตัวกลางทราย ดินปนทราย และดิน ตามลำดับ รวมทั้งศึกษาปริมาณการสะสมแคดเมียมในส่วนต่างๆ ของระบบ ทั้งในตัวกลางและในพืช คือ ต้นธูปฤาษี จากผลการทดลองระบบบึงประดิษฐ์สามารถบำบัดน้ำเสียได้ ตามที่มาตรฐานน้ำทิ้งกำหนด คือ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.03 มก./ล. Cd เมื่อความเข้มข้นแคดเมียมในน้ำเสียเข้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 มก./ล. ส่วนน้ำเสียเข้าที่ความเข้มข้นมากกว่า (10 และ 20 มก./ล.) ระบบยังคงกำจัดแคดเมียมได้มากกว่า 99% การกำจัดเกิดขึ้นในขณะที่น้ำเสียไหลผ่านชั้นตัวกลาง ตามทิศทางการไหลในแนวนอน ซึ่งดินมีความสามารถในการดูดซับแคดเมียมได้มากกว่าทราย โดยแคดเมียมในน้ำเข้าส่วนใหญ่สะสมอยู่ในตัวกลางมีค่าเท่ากับ 95.56% 95.53% และ 94.07% ในระบบที่มีตัวกลางทราย ดินปนทราย และดิน ตามลำดับ ส่วนในพืชนั้นมีแคดเมียมสะสมอยู่คิดเป็น 0.08% 0.06% และ 0.08% ในระบบที่มีตัวกลางทราย ดินปนทราย และดิน ตามลำดับ เมื่อนำตัวกลางทั้ง 3 ชนิด หลังจากการทดลองแล้วมาศึกษาการชะละลายของโลหะ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมตัวกลางดินนั้น จะสามารถดูดซับแคดเมียมได้แน่นกว่าตัวกลางทราย โดยพบว่าปริมาณของแคดเมียม ที่ถูกชะละลายจากตัวกลางมีค่าเท่ากับ 5.37% 11.15% และ 54.25% สำหรับตัวกลาง ดิน ดินปนทราย และทราย ตามลำดับ ซึ่งตัวกลางดินและดินปนทรายหลังการบำบัดแคดเมียมแล้ว มีค่าการชะละลายต่ำกว่าที่มาตรฐานกำหนด คือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 มิลลิกรัมต่อลิตร จึงไม่จัดเป็นของเสียอันตราย และสามารถนำไปถมที่ได้
Other Abstract: This study evaluated efficiency in cadmium removal from wastewater using subsurface-flow constructed wetland and cadmium accumulation in wetland with sand, sand and soil, or soil medium. Cd concentration in wastewater was varied in 1, 5, 10 and 20 mg/l. Retention time (HRT) was 5 days and flow rate was 4, 44 and 5 l/d for wetland with sand, sand and soil, and soil medium respectively. In addition cadmium in various parts of system which consisted of medium varied among sand, sand and soil, or soil medium and a plant (Typha sp.) was studied. As a result, constructed wetland could removed from wastewater according to effluent thai industrial standard, no more than 0.03 mg/l, when [Cd]inf was no more than 5 mg/l. When [Cd]inf increased (10 and 20 mg/l), efficiency in cadmium removal was still more than 99%. Cadmium removal was begun when wastewater pass medium layer in horizontal flow direction, and soil was able to adsorb cadmuim better than sand. Most of cadmium in influent was adsorbed on medium (95.56% on sand, 95.53% on sand and soil, 94.07% on soil). In plant, accumulated cadmium was 0.08% 0.06% and 0.08% for wetland with sand, sand and soil, and soil medium respectively. Cadmium adsorption on soil was tighter than sand, since cadmium leaching from medium was 5.37% 11.15% and 54.25% for soil, sand and soil, and sand medium respectively. In conclusion only cadmium in leachant from soil ; and sand and soil met standard (no more than 1 mg/l), so both of mediums were not hazardous waste and can be used for landfill.
Description: วิทยานิพนธ์ (วศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542
Degree Name: วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/12043
ISBN: 9743328815
Type: Thesis
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Rattana_Tr_ch1.pdf690.37 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_Tr_ch2.pdf681.83 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_Tr_ch3.pdf989.86 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_Tr_ch4.pdf749.86 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_Tr_ch5.pdf1.68 MBAdobe PDFView/Open
Rattana_Tr_ch6.pdf690.67 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_Tr_back.pdf1.02 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.