Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/66609
Title: | The vertical distribution of ozone over Songkhla, Thailand |
Other Titles: | การกระจายตัวในแนวดิ่งของโอโซนเหนือบริเวณสงขลา ประเทศไทย |
Authors: | Pakhwan Vanichnukroh |
Advisors: | Sathon Vijarnwannaluk Boossarasiri Thana |
Other author: | Chulalongkorn University. Faculty of Science |
Advisor's Email: | Sathon.V@Chula.ac.th Boossarasiri.T@Chula.ac.th |
Subjects: | Ozone -- Thailand -- Songkhla Ozone layer โอโซน -- ไทย -- สงขลา ชั้นโอโซน |
Issue Date: | 2005 |
Publisher: | Chulalongkorn University |
Abstract: | การกระจายตัวในแนวดิ่งของโอโซนถือเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจติดตามชั้นโอโซนในบรรยากาศสามารถทำการตรวจวัดได้โดย โอโซนซอนด์ ด็อปสันสเปคโตรโฟดตมิเตอร์รือบรูเวอร์สเปคโตรโฟโต มิเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจวัดภาคพื้นดิน และการตรวจวัดโดยดาวเทียม เพื่อที่จะหาค่าการกระจายตัว ของแนวดิ่งของโอโซนเหนือบริเวณสงขลา การตรวจวัดแบบอินเคอร์เครื่องมือบรูเวอร์สันสเปคโตรโฟโต มิเตอร์ หมายเลข 120 ของกลมอุตุนิยมวิทยา จึงถูกนำมาใช้ระหว่างปี พ.ศ. 2544-2546 และใช้ซอร์ฟ แวร์จากศูนย์ข้อมูลโอโซนโลกที่ถูกพัฒนาในปี พ.ศ. 2535 สำหรับการศึกษานี้ แบบจำลองเชิงถดถอยที่สร้างขึ้นมีพื้นฐานจากวิธีการของวอลตันในปี พ.ศ. 2502 เพื่อใช้คำนวณ ค่าการกระจายตัวในแนวดิ่งของโอโซนอย่างง่ายจากข้อมูลโอโซนรวมสำหรับในวันที่ไม่สามารถตรวจวัด แบบอัมเคอร์ได้ ผลจากการคำนวณโดยใช้ซอร์ฟแวร์และแบบจำลองในการหาค่าการกระจายตัวในแนวดิ่ง ของโอโซนพบว่าสอดคล้องกันแม้เปรียบเทียบกับค่าที่ได้จากดาวเทียม SSGE II และโอโซนซอนด์จากมาเลเซีย ค่าการกระจายตัวในแนวดิ่งของโอโซนเหนือบริเวณสงขลาพบว่ามีความหนาแน่นที่ความสูง 26-28 กิโลเมตร และค่าเฉลี่ยรายปีประมาณ 47x10 โมเลกุลต่อลูกบาศก์เซนติเมตรในปี พ.ศ. 2544 และ 49 x 10 โมเลกุลต่อลูกบาศก์เซนติเมตรในปี พ.ศ. 2545 เนื่องจากไม่มีการลดลงของโอโซนในเขตร้อน ดังนั้นการ เปลี่ยนแปลงของโดโซนในระยะยาวจึงไม่แตกต่างมากนักยกเว้นค่าโอโซนผิวพื้นที่มีค่าสูงซึ่งแสดงให้เห็นถึง มลภาวะบริเวรสถานีในเมือง |
Description: | Thesis (M.Sc.)--Chulalongkorn University, 2005 |
Degree Name: | Master of Science |
Degree Level: | Master's Degree |
Degree Discipline: | Earth Sciences |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/66609 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2005.1833 |
ISSN: | 9741422385 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2005.1833 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Sci - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Pakhwan_va_front_p.pdf | Cover Abstract and Content | 900.14 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pakhwan_va_ch1_p.pdf | Chapter 1 | 651.48 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pakhwan_va_ch2_p.pdf | Chapter 2 | 1.52 MB | Adobe PDF | View/Open |
Pakhwan_va_ch3_p.pdf | Chapter 3 | 944.15 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pakhwan_va_ch4_p.pdf | Chapter 4 | 851.89 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pakhwan_va_ch5_p.pdf | Chapter 5 | 1.02 MB | Adobe PDF | View/Open |
Pakhwan_va_back_p.pdf | References and Appendix | 993.48 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.