Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/76424
Title: | ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชนในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะที่ 1กรณีศึกษา : ความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลบ้านปงและชุมชนบ้านปง 3 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ |
Other Titles: | Collaboration between public sector and community in coping with COVID-19 pandemic in phase 1 case study : collaboration between Ban Pong tambol health promoting hospital and Ban Pong 3 community, Inthakin sub-district, Mae Taeng district, Chiang Mai province |
Authors: | เกรียงไกร เตชะวรางกุล |
Advisors: | ชฎิล โรจนานนท์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะรัฐศาสตร์ |
Issue Date: | 2563 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อระดับของความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลบ้านปงและชุมชนบ้านปง 3 ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะที่ 1 2) เพื่อศึกษารูปแบบ การก่อตัวและกระบวนการของความร่วมมือระหว่าง รพ.สต.และชุมชน 3) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคของความร่วมมือ ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อระดับความร่วมมือ ได้แก่ ปัจจัยการรับรู้ปัญหาร่วมกัน ปัจจัยศักยภาพองค์การ ปัจจัยการสนับสนุนจากบุคคลหรือองค์การ ปัจจัยผู้นำชุมชน และปัจจัยความสัมพันธ์ที่มีมาแต่เดิม 2) การก่อตัวของความร่วมมือเกิดจากการรับรู้ปัญหาร่วมกันว่าโรคโควิด-19 เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน แต่ศักยภาพของ รพ.สต.และชุมชนไม่เพียงพอจึงต้องร่วมมือกัน โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้นำชุมชน บุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ บนพื้นฐานของความสัมพันธ์อันดีที่มีมานาน นอกจากนี้ยังพบว่าความไว้วางใจและความสัมพันธ์แบบเครือญาติยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความร่วมมือ 3) กระบวนการความร่วมมือ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ (1) การเจรจา (2) การสร้างข้อตกลง (3) การดำเนินการ (4) การประเมินผล และ (5) การเสริมแรง ซึ่งการเสริมแรงเป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่การศึกษานี้ได้ค้นพบ 4) รูปแบบความร่วมมือ เป็นความร่วมมือแบบภาครัฐและประชาชนร่วมกันดำเนินการ 5) ปัญหาและอุปสรรคของความร่วมมือ ได้แก่ ขาดแคลนทรัพยากรในการป้องกันโรค สมาชิกชุมชนขาดความรู้ความเข้าใจในการป้องกันโรคทำให้เกิดความตื่นตระหนก และผู้นำชุมชนขาดอำนาจตามกฎหมายในการรับมือกับโรคระบาด |
Other Abstract: | This was a quantitative and qualitative research. Its objectives were 1) to study factors influencing the level of collaboration 2) to study pattern, formation and process of collaboration and 3) to study the problems of collaboration The results showed that: 1) the factors influencing the level of collaboration included: perceived problem shared across agencies, Institutional capacity to mount collaboration, prior relationships, public support and community leaders. 2) the formation of collaboration was caused by perception of the problem shared by the hospital and the community that COVID-19 was a critical problem that need to be solved urgently. But the potential of both was not enough, so they had to work together. With support from community leaders, people and agencies on the basis of long-standing good relationships. In addition, trust and kindred relationship were the other factors that influence collaboration as well 3) the process of collaboration consisted of five steps: negotiation, commitment, implementation, assessment and reinforcement (which was found in this study) 4) the pattern of collaboration was citizen and agent mutual adjustment. And 5) the problems of collaboration included: the lack of resources, knowledge and understanding about disease prevention, community members' panic, and the lack of legal authority in coping with disease of community leader. |
Description: | สารนิพนธ์ (รป.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563 |
Degree Name: | รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | รัฐประศาสนศาสตร์ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/76424 |
URI: | http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2020.406 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.58837/CHULA.IS.2020.406 |
Type: | Independent Study |
Appears in Collections: | Pol - Independent Studies |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
6280013524.pdf | 4 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.