Abstract:
ในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน กระแสโลกาภิวัฒน์และอิทธิพลของตลาด ต่างผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ประกอบธุรกิจที่หลากหลายในลักษณะของ Universal Banking ทั้งที่ดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์เองหรือโดยผ่านบริษัทในเครือ ซึ่งแม้ว่าการขยายขอบเขตธุรกิจดังกล่าวจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนแก่ธนาคารให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบเศรษฐกิจได้ หากไม่ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอ
การกำกับแบบรวมกลุ่มจึงเป็นแนวทางหนึ่งซึ่งจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ประกอบธุรกิจ ในขอบเขตที่กว้างและหลากหลาย โดยไม่ก่อให้เกิดผลร้ายต่อความมั่นคงของระบบธนาคารพาณิชย์ได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางการกำกับแบบรวมกลุ่มก็เป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ซึ่งองค์การระหว่างประเทศคิดค้นขึ้น และแนะนำให้หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินในประเทศต่างๆ นำไปปฏิบัติตาม โดยที่แต่ละประเทศมีเสรีภาพในการตัดสินใจว่าจะรับเอาแนวทางดังกล่าวมาใช้ในประเทศตนหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมุ่งที่จะศึกษาถึงแนวคิดและทฤษฎีของการกำกับแบบรวมกลุ่ม โดยศึกษาเปรียบเทียบจากหลักเกณฑ์ของ BIS, Joint Forum และหลักเกณฑ์ที่ประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ และอเมริกา บัญญัติขึ้น ตลอดจน การนำหลักการกำกับแบบรวมกลุ่มมาใช้ในประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางที่จะพัฒนามาตรการกำกับดูแลความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์และกลุ่มธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ตามหลักการกำกับแบบรวมกลุ่มของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จากการศึกษาพบว่า หลักเกณฑ์การกำกับแบบรวมกลุ่มของประเทศไทยนั้น มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์สากลขององค์การระหว่างประเทศ และมีสาระสำคัญที่ค่อนข้างจะตรงกันกับประเทศอังกฤษและอเมริกา จะต่างกันก็เพียงเทคนิคที่ใช้ หรือในส่วนของรายละเอียด ซึ่งแต่ละประเทศจะปรับหลักเกณฑ์ให้เหมาะสมกับระบบการเงินของตน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และกลุ่มธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้เขียนจึงเสนอแนวคิดในการสร้างความชัดเจนในการใช้อำนาจแทรกแซงกิจการธนาคารพาณิชย์และกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์เพื่อขจัดปัญหาที่จะนำไปสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจในอนาคต