Abstract:
ได้ศึกษาการสังเคราะห์ซิลเวอร์ไนเตรต จากแผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ที่ใช้แล้ว ซึ่งพบว่ามีปริมาณเงิน 1.38 % และเมื่อเตรียมเป็นซิลเวอร์ไนเตรต USP XXI จะมีเปอร์เซ็นต์ผลผลิต 93.8 % แต่การสังเคราะห์ซิลเวอร์ไนเตรต จากแผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ที่ใช้แล้วนี้ ถ้าเตรียมปริมาณน้อย ๆ จะไม่คุ้มทุนและไม่เหมาะที่จะเตรียมขึ้นใช้เองในโรงพยาบาล ได้ศึกษาการสังเคราะห์ซิลเวอร์ซัลฟาไดอะซีน ตามตำรับโรงพยาบาลและจากโซเดียมซัลฟาไดอะซีน พบว่าทั้งสองวิธีให้ผลผลิต ที่มีคุณภาพไม่แตกต่างกัน แต่ให้เปอร์เซ็นต์ผลผลิตต่างกัน โดยวิธีสังเคราะห์ตามตำรับโรงพยาบาล มีเปอร์เซ็นต์ผลผลิตสูงกว่า คือ 92.0% และยังเป็นวิธีที่เตรียมได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และประหยัด ส่วนวิธีสังเคราะห์จากโซเดียมซัลฟาไดอะซีน จะให้เปอร์เซ็นต์ผลผลิต 84.5% คุณภาพของซิลเวอร์ซัลฟาไดอะซีน ที่สังเคราะห์ได้ทั้งสองวิธีนี้ ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดในเภสัชตำรับดัช IX เกือบทุกประการ โดยพบว่ามีปริมาณเงิน 29.88 % และ 29.94 % (กำหนด 29.6-30.3%) ตามลำดับ และมีปริมาณซัลฟาไดอะซีน 69.2 % และ 70.6 % (กำหนด 69.1-71.2%) ตามลำดับ แต่มีขนาดอนุภาคไม่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดในเภสัชตำรับ ซึ่งพบว่ามีขนาดอนุภาคเฉลี่ยประมาณ 20 ไมโครเมตร ได้ศึกษาวิธีลดขนาดอนุภาคของผงยาซิลเวอร์ซัลฟาไดอะซีน โดยวิธีบดด้วยมือและปั่นด้วยเครื่องไฟฟ้า พบว่าการบดผงยาด้วยมือพร้อมกับแอ็ปโซลูตเอธานอล ในโกร่งกระเบื้อง ประมาณ 5 นาที จะลดขนาดอนุภาคของผงยาให้เข้ามาตรฐานตามข้อกำหนดได้ กล่าวคือ 90% ของผงยามีขนาดอนุภาคเท่ากับหรือเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร 99% ของผงยามีขนาดอนุภาคไม่เกิน 20 ไมโครเมตร และ 100 % ของผงยามีขนาดอนุภาคไม่เกิน 50 ไมโครเมตร ดังนั้นการสังเคราะห์ซิลเวอร์ซัลฟาไดอะซีน ตามตำรับโรงพยาบาลนั้นเหมาะสมดีอยู่แล้ว แต่ขอให้เพิ่มการลดขนาดอนุภาคของผงยา โดยการบดพร้อมกับแอ็ปโซลูตเอธานอล ประมาณ 5 นาที ก่อนจะนำไปเตรียมเป็นยาสำเร็จรูปต่อไป