Abstract:
ไวรัสพี อาร์ อาร์ เอส ที่แยกได้ในประเทศไทย ทั้ง 2 สายพันธุ์สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดโรคได้โดยพบว่า ไวรัสพี อาร์ อาร์ เอส สายพันธุ์ US (01NP1) ก่อโรครุนแรงกว่า ไวรัสพี อาร์ อาร์ เอส สายพันธุ์ EU (02SB3) และยังพบรอยโรครุนแรงในสุกรที่ชันสูตรวันที่ 15 แต่พบแอนติเจนของไวรัส พี อาร์ อาร์ เอสในสุกรกลุ่มที่ได้รับเชื้อสายพันธุ์ยุโรปมากกว่าสายพันธุ์อเมริกา ในแทบทุกเนื้อเยื่อที่ได้รับการตรวจไวรัส พี อาร์ อาร์ เอส สายพันธุ์ EU อาจแฝงตัวในสุกรได้นานกว่าและอาจมีผลให้เกิดภาวะ persistent infection ทำให้ยากต่อการกำจัดเชื้อออกจากฝูงสุกร นอกจากนี้ยังพบการเพิ่มขึ้นของยีนที่สร้าง IL-10 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) จากเม็ดเลือดขาวชนิดนิวเคลียสเดียวในกระแสเลือดของสุกรที่ให้เชื้อไวรัส พี อาร์ อาร์ เอส ณ วันที่ 5 และ 12 หลังการให้เชื้อ นอกจากนี้ยังตรวจพบการเพิ่มขึ้นของยีนที่สร้าง IL-10 และ IFN-Y ของเซลล์เม็ดเลือดขาวจากน้ำล้างปอดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) เริ่มจากวันที่ 9 หลังได้รับเชื้อไวรัส พี อาร์ อาร์ เอส แต่ไม่พบความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ไวรัสในการเพิ่มขึ้นของยีนที่สร้าง cytokines ที่ทดสอบ (p>0.05) จากข้อมูลวิจัยชี้ให้เห็นว่า การเพิ่มการสร้าง IL 10 ในสุกรที่ติดเชื้อไวรัส พี อาร์ อาร์ เอส อาจมีผลต่อการตอบสนองการสร้างภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่พบในกรณีของการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนในท้องที่