DSpace Repository

การนำหลักการสมคบกันกระทำความผิดมาใช้เพื่อป้องกันและปราบปรามความผิดกลุ่มสถาบันการเงิน : ศึกษากรณีความผิดเกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์

Show simple item record

dc.contributor.advisor วีระพงษ์ บุญโญภาส
dc.contributor.advisor วีระชาติ ศรีบุญมา
dc.contributor.author ณัฎฐพล เมืองขวา
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์
dc.date.accessioned 2012-11-29T08:25:31Z
dc.date.available 2012-11-29T08:25:31Z
dc.date.issued 2548
dc.identifier.isbn 9745324019
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/26955
dc.description วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548 en
dc.description.abstract ปัจจุบันความผิดเกี่ยวกับการทุจริตสถาบันการเงินโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ได้มีการกระทำในรูปแบบขบวนการโดยการแบ่งการบังคับบัญชาเป็นลำดับขั้น และมีการจัดรูปแบบขบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้เป็นหัวหน้าขบวนกรจะเป็นผู้วางแผนการต่าง โดยไม่ได้ลงมือกระทำความผิดเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ผู้เป็นหัวหน้าขบวนการซึ่งอยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดเป็นบุคคลสำคัญที่มีผลต่อการอยู่หรือล้มเลิกของขบวนการ การปราบปรามดำเนินคดีกับผู้เป็นหัวหน้าขบวนการจึงมีผลต่อการล้มเลิกของขบวนการได้ ในการศึกษามาตรการกฎหมายเรื่องตัวการ ผู้ใช้และผู้สนับสนุนเพื่อใช้ดำเนินคดีความผิดการทุจริตต่อธนาคารพาณิชย์ พบว่ามาตราดังกล่าวไม่อาจใช้ดำเนินการเพื่อป้องกันการลงมือกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตต่อธนาคารพาณิชย์และไม่อาจใช้ดำเนินการกับการกระทำบางลักษณะของผู้เป็นหัวหน้าขบวนการที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดได้ ทั้งการพิสูจน์ความผิดของหัวหน้าขบวนการก็ทำได้ยากลำบาก เพราะว่าความผิดเกี่ยวกับการทุจริตต่อธนาคารพาณิชย์มีลักษณะพิเศษคือ ปราศจากผู้เสียหายและโดยการตกลงแผนการกระทำความผิด ปกติจะทำด้วยความรวดเร็วและเป็นความลับยากแก่คนภายนอกจะได้พยานหลักฐานส่วนใหญ่จึงได้แก่ ผู้ร่วมกระทำความผิดซึ่งพยานลักษณะนี้มีลักษณะการซักทอดหรือเป็นผลร้ายต่อจำเลยอื่นศาลจึงมักจะไม่รับฟังพยานหรือรับฟังเป็นพยานแต่มีน้ำหนักน้อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจดำเนินการกับผู้เป็นหัวหน้าองค์กรซึ่งเป็นต้นเหตุในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตต่อธนาคารพาณิชย์ ในประเทศอังกฤษ อเมริกา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ มาตรการกฎหมายที่ใช้ดำเนินการกับหัวหน้าองค์กรเพื่อปราบปรามขบวนการกระทำความผิด ได้แก่ หลักกฎหมายสมคบกันกระทำความผิด โดยหลักกฎหมายดังกล่าวได้วางลักษณะความผิดให้ครอบคลุมถึงการกระทำของผู้เป็นหัวหน้าองค์กรให้เป้นความผิดขึ้น โดยกำหนดให้การตกลงกันเพื่อจะกระทำความผิดแม้จะไม่ได้มีการกระทำความผิดตกลงกันนั้น ก็เป็นความผิดแล้วและในการตกลงกันนี้ได้มีการขยายขอบเขตให้กว้างขวาง
dc.description.abstract ซึ่งการตกลงกันอาจจะตกลงกันโดยตรงหรือโดยปริยาย โดยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรก็ได้ โดยผู้ที่ทำการตกลงอาจจะไม่อยู่ในสถานที่เดียวกันหรือไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ได้ และในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการพิสูจน์ความผิดของผู้เป็นหัวหน้าองค์กร ก็ได้มีการกำหนดให้สามารถรับฟังพยานพฤติการณ์แวดล้อมกรณี และมีการยกเว้นหลัดห้ามรับฟังพยานบอกเล่า โดยให้รับฟังคำรับของผู้ร่วมกระทำความผิด วิทยานิพนธ์นี้ ผู้เขียนได้วิเคราะห์ถึงการนำหลักการสมคบกันกระทำความผิดมาใช้เพื่อปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตต่อธนาคารพาณิชย์ ซึ่งหลักกฎหมายดังกล่าวมีลักษณะเป็นการป้องกันการกระทำความผิดและส่งเสริมมาตรการกฎหมายสาระบัญญัติทำไปให้มีประสิทธิภาพ โดยผู้เขียนได้วิเคราะห์มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อธนาคารพาณิชย์ตลอดทำสรุปและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าวด้วย
dc.description.abstractalternative At present, it can be said that dishonest Commercial Banking are committed in the from of movement Crime by having Controlled and movement with efficiency in the gang. The Leader of movement crime will not actually the crime by himself so the Leader of gang is very important for the stability of the gang. As the matter of fact, the law concerning on principle, instigator or supporter can not be enforced to be leader of the gang of the movement crime and moreover the nature of dishonest Commercial Banking offences are Victimless, speedy and secretly committed offence so it very difficult to find withness in such as case and witness usually form the member of the gang itself which cannot be accepted as withness in the court. In the United State of Kingdom United State of America Malaysia and Philippine. Conspiracy law is used for enforcing the leader of gang. The liability of the leader of the gang will be held since agree to commit the offence not only express but also imply which can be solved the problem of witness in dishonest Commercial Banking offence. This thesis focuses on the using of conspiracy law for suppression the dishonest Commercial Banking offence to full fill the enforcement of substantive law enforcing and law concerning on this kind of offence.
dc.format.extent 2884799 bytes
dc.format.extent 1650692 bytes
dc.format.extent 22996574 bytes
dc.format.extent 21614444 bytes
dc.format.extent 12415212 bytes
dc.format.extent 27962973 bytes
dc.format.extent 5642428 bytes
dc.format.extent 28776760 bytes
dc.format.mimetype application/pdf
dc.format.mimetype application/pdf
dc.format.mimetype application/pdf
dc.format.mimetype application/pdf
dc.format.mimetype application/pdf
dc.format.mimetype application/pdf
dc.format.mimetype application/pdf
dc.format.mimetype application/pdf
dc.language.iso th es
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en
dc.title การนำหลักการสมคบกันกระทำความผิดมาใช้เพื่อป้องกันและปราบปรามความผิดกลุ่มสถาบันการเงิน : ศึกษากรณีความผิดเกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์ en
dc.title.alternative Conspiracy for enforcing financial and banking : a study of case commercial banking en
dc.type Thesis es
dc.degree.name นิติศาสตรมหาบัณฑิต es
dc.degree.level ปริญญาโท es
dc.degree.discipline นิติศาสตร์ es
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record