Abstract:
การเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ค.ศ. 1984 เป็นพันธกรณีอันสำคัญยิ่งสำหรับประเทศไทยในเวทีประชาคมโลก เนื่องจากการกระทำทรมานเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงซึ่งเป็นข้อห้ามเด็ดขาดภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยให้ความเคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของทุกคนบนโลกใบนี้ ดังนี้ จึงนับเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีสำหรับประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญานี้ ในการเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศตามมาตรฐานของสหประชาชาติ โดยอนุสัญญานี้มีสาระสำคัญที่ผูกพันในการต่อต้านการทรมานในทุกรูปแบบ และทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการกระทำที่เกิดจากเจ้าพนักงานรัฐ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย แต่กลับเป็นผู้กระทำผิดหน้าที่ กระทำผิดกฎหมายเสียเอง เพียงเพื่อมุ่งประสงค์ให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพจากบุคคลผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อของการกระทำ และข้อที่เป็นสาระสำคัญอื่นในการต่อต้านและป้องกันการทรมาน รวมถึงการวางมาตรการ และกลไกพิเศษต่างๆ เพื่อมิให้มีการทรมานเกิดขึ้น หรือหากเกิดมีขึ้นแล้วก็ได้กำหนดวิธีการเยียวยาแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพันธกรณีและวัตถุประสงค์ของอนุสัญญานี้ จากผลการศึกษาวิจัยพบว่าการเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญานี้จะส่งผลกระทบต่อไทยในระบบต่างๆ ทั้งในระบบกฎหมายภายในกระบวนยุติธรรมทางอาญา และการใช้อำนาจของฝ่ายปกครอง จึงมีความจำเป็นต้องปฏิรูป แก้ไข กฎหมายและระบบต่างๆ ภายในประเทศ เพื่อให้สามารถอำนวยความยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรม และสอดคล้องกับพันธกรณี และมาตรฐานสากลภายใต้กรอบของสหประชาชาติ