Abstract:
จุดประสงค์ เพื่อศึกษาถึงความชุกของภาวะไขมันในเลือดสูงในเด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด รูปแบบการศึกษา เป็นการทำวิจัย ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (cross sectional study) สถานที่ศึกษา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ประชากรที่ศึกษา เด็กและวัยรุ่นอายุ 4-20 ปี ที่มีประวัติของบุคคลในครอบครัวเป็น premature coronary heart disease หรือมีระดับ cholesterol ในเลือดสูงกว่า 240 มก./ดล. และไม่มีโรคประจำตัวใดๆ หรือรับประทานยาใดเป็นประจำ วิธีการศึกษา เด็กและวัยรุ่นเข้าร่วมการศึกษาทุกรายจะได้รับการตรวจกรอง โดยเจาะเลือดจากปลายนิ้ว เพื่อวัด ระดับ total cholesterol ด้วยวิธี Reflotron dry chemistry เมื่อค่าที่ได้มากกว่าหรือเท่ากับ 170 มก./ดล. จะทำการตรวจระดับไขมันชนิดต่างๆ ด้วยวิธี lipoprotein analysis โดยห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยต้องงดอาหารก่อนทำการตรวจเลือดครั้งที่สอง อย่างน้อย 12 ชั่วโมง ข้อมูลที่ได้นำมาคำนวณเป็นความชุกของการมีระดับไขมันในเลือดสูง ผลการศึกษา เด็กและวัยรุ่นที่ทำการศึกษา 100 ราย มีระดับ total cholesterol จากการตรวจกรองโดยเจาะเลือดจากปลายนิ้วมากกว่าหรือเท่ากับ 170 มก./ดล. 53 ราย และมารับการตรวจไขมันโดยวิธีมาตรฐาน โดยเจาะเลือดจากหลอดเลือดดำ จำนวน 47 ราย พบว่ามีระดับ total cholesterol มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มก./ดล. 31 ราย, มีระดับ LDLC มากกว่าหรือเท่ากับ 130 มก./ดล. 36 ราย, มีระดับ HDLC น้อยกว่า 45 มก./ดล. 17 ราย และมีความสอดคล้องกันของระดับ total cholesterol ที่ตรวจโดย reflotron dry chemistry และวิธี lipoprotein analysis มีค่า interclass correlation coefficient เท่ากับ 0.629 ในเด็กและวัยรุ่นที่มีระดับ total cholesterol มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มก./ดล. พบว่าร้อยละ 96.7 มีระดับ LDLC มากกว่าหรือเท่ากับ 130 มก./ดล. สรุป เด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด มีความชุกของการมีระดับ total cholesterol > 200 มก./ดล. อย่างน้อยวันละ 31 ซึ่งนับว่าสูงและใกล้เคียงกับการศึกษาในต่างประเทศ อาจสรุปได้ว่าในอนาคตอาจมีแนวโน้มพบอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดในคนไทยเพิ่มมากขึ้น หากไม่มีการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ