Abstract:
ได้ทำการทดสอบหาความเข้มข้นที่น้อยที่สุดในการยับยั้งการเจริญ (MIC) ของเชื้อ H. pylori กับสมุนไพรไทยที่ใช้ในการรักษาโรคกระเพาะอาหาร 9 ชนิด คือ กระชายดำ, กระเทียม, กล้วย, ขมิ้นชัน, ตระไคร้, ใบบัวบก, ฟ้าทะลายโจร, ว่านหางจระเข้ และลำต้นโหระพา พบว่า ขมิ้นชัน และกระชายดำ มีค่า MIC เท่ากับ 32 และ 64 ug/ml ตามลำดับ ส่วนสมุนไพรชนิดอื่น ๆ มีค่า MIC > 512 ug/ml จากนั้นทำการสกัดสมุนไพรกระชายดำออกเป็น 4 ชนิด คือ น้ำมันหอมระเหยจากกระชายดำ, สารสกัดเฮกเซนจากกระชายดำ, สารสกัดเอทิลอะซิเตดจากกระชายดำ และสารสกัดเมทานอลจากกระชายดำ ได้ปริมาณ (%yield) เท่ากับ 0.129%, 0.046, 0.721% และ 1.277% ตามลำดับ นำไปทดสอบหาค่า MIC พบว่า สารสกัดเอทิลอะซิเตดจากกระชายดำ มีค่า MIC เท่ากับ 32 ug/ml, สารสกัดเฮกเซนจากกระชายดำ และสารสกัดเมทานอลจากกระชายดำ มีค่า MIC เท่ากับ 64 ug/ml และน้ำมันหอมระเหยจากกระชายดำ มีค่า MIC > 512 ug/ml นำสารสกัดเอทิลอะซิเตดจากกระชายดำมาทำการทดสอบฤทธิ์ในการยังยั้งการเกาะติด และบุกรุกเซลล์เยื่อบุ HEp-2 ของเชื้อ H. pylori ด้วยวิธี Gentamicin internalization assay พบว่าความสามารถในการลดการบุกรุกเซลล์เยื่อบุ HEp-2 ของเชื้อ H.pylori ขึ้นกับเวลา, ความเข้มข้นของสารสกัด และสายพันธุ์ของเชื้อ H.pylori พบว่าที่เวลามากและที่ความเข้มข้นของสารสกัดเอทิลอะซิเตดจากกระชายดำที่มากขึ้น สารสกัดเอทิลอะซิเตดจากกระชายดำสามารถลดการบุกรุกเซลล์ได้มากขึ้น และสารสกัดเอทิลอะซิเตดจากกระชายดำมีผลในการลดการบุกรุกเซลล์ HEp-2 ของเชื้อ H.pylori สายพันธุ์ที่มียีน cagA ได้ดีกว่าสายพันธุ์ที่ไม่มียีน cagA ในการศึกษาผลต่อการแสดงออกของยีน alpA และ babA ซึ่งเป็นยีนที่มีความสำคัญในการเกาะติด และบุกรุกเซลล์ ด้วยวิธี RT-PCR พบว่าสารสกัดเอทิลอะซิเตดจากกระชายดำไม่มีผลต่อการแสดงออกของยีน alpA และ babA ดังนั้นกระชายดำจึงเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ในการรักษาและป้องกันการติดเชื้อ H. pylori