Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบำบัดน้ำเสียปนเปื้อนน้ำมันตัดด้วยกระบวนการร่วมระหว่างกระบวนการโคอะเลสเซอร์ กระบวนการทางไฟฟ้าเคมี และกระบวนการอัลตราฟิลเตรชัน เพื่อลดปริมาณการใช้สารเคมีและปริมาณตะกอนเคมีที่เกิดขึ้นจากการกระบวนการบำบัด โดยทำการศึกษาผลกระทบของลักษณะและความสูงของชั้นตัวกลาง อัตราเร็วการไหลของน้ำเสีย ชนิดขั้วไฟฟ้าและความหนาแน่นของกระแสไฟฟ้า จากการทดลองพบว่าสภาวะการเดินระบบที่เหมาะสม คือ ใช้ตัวกลางโคอะเลสเซอร์รูปทรงกระบอกกลวง โดยวางแบบสุ่มจนมีความสูงของชั้นตัวกลาง 10 เซนติเมตรอัตราเร็วการไหลของน้ำเสีย 2 เซนติเมตรต่อวินาที ใช้ขั้วไฟฟ้าอะลูมิเนียม โดยมีระยะห่าง 3 เซนติเมตร และใช้ความหนาแน่นกระแสไฟฟ้า 10 แอมแปร์ต่อตารางเมตร และเมื่อน้ำเสียผ่านกระบวนการอัลตราฟิลเตรชันพบว่ากระบวนการร่วมให้ประสิทธิภาพบำบัด 99% เมื่อเติมแคลเซียมคลอไรด์ 2 กรัมต่อลิตร และเมื่อเติมแคลเซียมคลอไรด์ 6 กรัมต่อลิตร นอกจากนี้ยังพบอีกว่าการเติมแคลเซียม 6 กรัมต่อลิตรจะทำให้เมมเบรนอุดตันเร็วและค่าความขุ่นของน้ำทิ้งจะสูงกว่าการเติมแคลเซียมคลอไรด์ต่ำๆ เนื่องจากแคลเซียมคลอไรด์สามารถทำลายเสถียรภาพและทำให้อนุภาคน้ำมันเกิดการรวมตัวกันเป็นอนุภาคขนาดใหญ่ได้จำนวนมาก โดยข้อดีของการเดินระบบด้วยกระบวนการร่วมคือ กระบวนการร่วมให้ประสิทธิภาพการกำจัดความขุ่นสูง โดยมีต้นทุนในการเดินระบบและใช้พลังงานต่ำ ตัวกลางโคอะเลสเซอร์ที่เลือกใช้หาซื้อได้ง่ายและราคาถูก กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการเดินระบบต่ำ ดังนั้นอายุการใช้งานของขั้วไฟฟ้าจึงเพิ่มขึ้น และไม่ก่อให้เกิดตะกอนเคมี