Abstract:
การทำพัลโพโตมีคือ การรักษาเนื้อเยื่อในฟันน้ำนมที่มีรอยผุลึกใกล้โพรงเนื้อเยื่อใน โดยกำจัดเนื้อเยื่อในโพรงฟัน เพื่อรักษาความมีชีวิตของเนื้อเยื่อในส่วนรากฟันเอาไว้ มิเนอรัลไตรออกไซด์แอกกรีเกต (เอ็มทีเอ)เป็นวัสดุที่มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อดีและมีคุณสมบัติในการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อ ไบโอเดนทีนเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่มีองค์ประกอบคล้ายเอ็มทีเอ แต่มีระยะเวลาในการแข็งตัวสั้นกว่า นอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่า และการใช้งานง่ายกว่า วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อเปรียบเทียบความสำเร็จทางคลินิกและทางภาพรังสีของการรักษาเนื้อเยื่อในฟันน้ำนมชนิดพัลโพโตมีระหว่างเอ็มทีเอและไบโอเดนทีนที่ระยะเวลา 6 เดือนหลังการรักษา วัสดุและวิธีการ การวิจัยนี้ใช้ฟันกรามน้ำนมล่างจำนวน 40 ซี่ จากผู้ป่วย 40 คน ที่มีอายุระหว่าง 3-7 ปี และมีสุขภาพแข็งแรง โดยการคัดเลือกตามเกณฑ์การเลือกเข้าการวิจัย จากนั้นแบ่งกลุ่มการทดลองโดยการสุ่มเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 20 ซี่ กลุ่มทดลองรักษาเนื้อเยื่อในฟันน้ำนมชนิดพัลโพโตมีด้วยไบโอเดนทีน ส่วนกลุ่มควบคุมรักษาด้วยเอ็มทีเอ โดยรักษาด้วยทันตแพทย์คนเดียวกัน จากนั้นติดตามผลการรักษาทางคลินิกและภาพถ่ายรังสีที่ระยะเวลา 6 เดือนหลังการรักษา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ฟิชเชอร์เอ็กแซกเทสต์ (Fisher’s exact test) ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ผลการวัจัย พบว่า ความสำเร็จทางคลินิกหลังการรักษา 6 เดือนของทั้ง 2 กลุ่มเป็นร้อยละ 100 ส่วนความสำเร็จทางภาพถ่ายรังสีหลังการรักษาของเอ็มทีเอเป็นร้อยละ 90 และของไบโอเดนทีนเป็นร้อยละ 80 โดย โดยไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) อภิปรายผล ฟันที่ได้รับการรักษาพัลโพโตมีด้วยเอ็มทีเอและไบโอเดนทีนให้ผลสำเร็จสูงเมื่อติดตามผล 6 เดือน ไบโอเดนทีนอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการนำมาใช้รักษาเนื้อเยื่อในฟันน้ำนมชนิดพัลโพโตมีได้ อย่างไรก็ตามควรมีการติดตามผลในระยะยาวต่อไป