DSpace Repository

ความสัมพันธ์ระหว่างการคิดทางบวกความสุข และความวิตกกังวลในนิสิตนักศึกษาปริญญาตรีที่ได้รับการฝึกการเจริญสมาธิแบบเมตตา

Show simple item record

dc.contributor.advisor อรัญญา ตุ้ยคำภีร์
dc.contributor.author กนกวรรณ สาธุอยู่ศิริกุล
dc.contributor.author ธนิตา สถาพร
dc.contributor.author เรณุกา ทองเนียม
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะจิตวิทยา
dc.date.accessioned 2016-06-12T10:21:43Z
dc.date.available 2016-06-12T10:21:43Z
dc.date.issued 2555
dc.identifier.other Psy 196A
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/49066
dc.description โครงงานทางจิตวิทยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2555 en_US
dc.description A senior project submitted in partial fulfillment of the requirements for the Degree of Bachelor of Science in Psychology, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University, Academic year 2012 en_US
dc.description.abstract การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความสัมพันธ์ระหว่าง การคิดทางบวกความสุข และความวิตกกังวลในนิสิตนักศึกษาปริญญาตรีที่ได้รับการฝึกการฝึกเจริญสมาธิแบบเมตตา กลุ่มตัวอย่างคือนิสิตระดับปริญญาตรี จำนวน 69 คน (ชาย24คน หญิง 45 คน) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ มาตรวัดการคิดทางบวกมาตรวัดความสุข แบบวัดความวิตกกังวล โปรแกรมการฝึกการเจริญสติแบบเมตตา วิเคราะห์ข้อมูลโดย การวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวแบบซ้ำ และการวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทางแบบซ้ำ ผลการวิจัยพบว่า (1) การคิดทางบวกมีสหสัมพันธ์ทางบวกกับความสุขอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 (2) การคิดทางบวกมีสหสัมพันธ์ทางลบกับความวิตกกังวลต่อสภาพการณ์ และความวิตกกังวลที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 (3) คะแนนการคิดทางบวก ความสุข และความวิตกกังวลทั้งสองแบบของกลุ่มตัวอย่างในการวัดครั้งที่ 1 (ก่อนการฝึกการเจริญสมาธิแบบเมตตา) การวัดครั้งที่ 2 (หลังการฝึกการเจริญสมาธิแบบเมตตาครั้งที่ 3) และการวัดครั้งที่ 3 (หลังเสร็จสิ้นการฝึกการเจริญสมาธิแบบเมตตา) มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 (4) คะแนนความสุขและคะแนนความวิตกกังวลทั้งสองแบบระหว่างผู้ที่มีคะแนนการคิดทางบวกสูงและผู้ที่มีการคิดทางบวกการวัดครั้งที่ 1 การวัดครั้งที่ 2 และการวัดครั้งที่ 3 ไม่มีความแตกต่างกัน en_US
dc.description.abstractalternative The purposes of this study were to the relationship among positive thinking, happiness and anxiety of Participants included 69 undergraduate students practice Loving Kindness Mediation. The instruments were Positive Thinking Questionnaire, Happiness Scale and State-Trait Anxiety Inventory (form Y). The data were analyzed by using Pearson’s correlation, One-way ANOVA Repeated and Two-way ANOVA Repeated. Results showed that: 1. Positive Thinking significantly positive correlates with happiness (p< .001). 2. Positive Thinking significantly negative correlates with State anxiety and Trait anxiety (p< .001). 3. Positive Thinking, Happiness, State anxiety and Trait anxiety score before practicing Loving Kindness Meditation significantly different with after practicing Loving Kindness Meditation. (p< .05) 4. Happiness, State anxiety and Trait anxiety score has no different between high positive thinking participants and low positive thinking participants in preliminary, middle and final measurement. en_US
dc.language.iso th en_US
dc.publisher คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject สมาธิ en_US
dc.subject อารมณ์ en_US
dc.subject Samadhi en_US
dc.subject Emotions en_US
dc.title ความสัมพันธ์ระหว่างการคิดทางบวกความสุข และความวิตกกังวลในนิสิตนักศึกษาปริญญาตรีที่ได้รับการฝึกการเจริญสมาธิแบบเมตตา en_US
dc.title.alternative RELATIONSHIPS AMONG POSITIVE THINKING, ANXIETY, AND HAPPINESS OF UNDERGRADUATE STUDENTS PRACTICE LOVING KINDNESS MEDITATION en_US
dc.type Senior Project en_US
dc.email.advisor Arunya.T@chula.ac.th


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record