Abstract:
บทบัญญัติมาตรา 1574 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้มีการกำหนดประเภทของนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ที่ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลอยู่สิบสามอนุมาตรา แต่มิได้กำหนดผลทางกฎหมายในกรณีที่ผู้ใช้อำนาจปกครองทำนิติกรรมไปโดยฝ่าฝืนไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ส่งผลให้ศาลฎีกาวินิจฉัยผลทางกฎหมายของนิติกรรมและประเด็นแวดล้อมที่เกี่ยวข้องแบ่งออกเป็นหลายแนวทางเรื่อยมา โดยไม่มีแนวทางใดที่สามารถยึดถือเป็นบรรทัดฐานได้ อันก่อให้เกิดความไม่แน่นอนและอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจมีผลทำให้ไม่สามารถคุ้มครองผู้เยาว์ตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ในการนี้ผู้ศึกษาได้รวบรวมแนวความเห็นของนักกฎหมายไทยและคำพิพากษาศาลฎีกา และวิเคราะห์เปรียบเทียบบทบัญญัติมาตรา 1574 ของประเทศไทย กับบทบัญญัติแห่งกฎหมายในลักษณะเดียวกันของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส และประเทศสาธารณรัฐอิตาลีในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ผลทางกฎหมายของนิติกรรม การขอเพิกถอนนิติกรรมต่อศาล การบอกล้างนิติกรรม การให้อนุญาตในภายหลังการทำนิติกรรม การให้สัตยาบันแก่นิติกรรม การคืนทรัพย์ และค่าเสียหายและบทลงโทษ ผลการศึกษาพบว่า บทบัญญัติมาตรา 1574 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สมควรได้รับการปรับแก้โดยกำหนดผลทางกฎหมายของนิติกรรมเป็นไม่มีผลผูกพัน ซึ่งสอดคล้องกับแนววินิจฉัยของศาลฎีกาส่วนใหญ่และความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาร่างมาตรา 1574 อีกทั้งเพิ่มเติมบทบัญญัติให้ครอบคลุมประเด็นการให้อนุญาตในภายหลังการทำนิติกรรม การให้สัตยาบันแก่นิติกรรม การคืนทรัพย์ และค่าเสียหายและบทลงโทษ โดยแยกบัญญัติบางประเด็นในหมวด 5 ว่าด้วยความไม่มีผลผูกพัน ซึ่งผู้ศึกษาเสนอแนะให้เพิ่มเติมขึ้นภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 หลักทั่วไป ลักษณะ 4 นิติกรรม