Abstract:
วิทยานิพนธ์เล่มนี้มุ่งศึกษาและวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ระบบกฎหมายไทยถือว่าหนังสือของหน่วยงานทางปกครองที่เรียกให้ข้าราชการคืนสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เป็นเงินที่ได้รับไปโดยไม่มีสิทธิ มีสถานะเป็นหนังสือทวงถาม รวมถึงรูปแบบวิธีการเรียกเงินคืนที่เหมาะสม โดยศึกษาเปรียบเทียบกับการเรียกเงินคืนในกรณีดังกล่าวของระบบกฎหมายฝรั่งเศสและเยอรมัน ผลการวิจัยพบว่า กรณีที่บุคคลคนหนึ่งได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์จากบุคคลอื่นโดยปราศจากฐานทางกฎหมาย ย่อมทำให้รัฐและเอกชนต่างมีสิทธิเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งคืนทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นแก่ตนได้ หรือนิติบุคคลมหาชนเรียกให้คืนระหว่างกัน หรือรัฐเรียกคืนจากข้าราชการ ในระบบกฎหมายฝรั่งเศสและเยอรมันได้พัฒนาและยอมรับหลักการดังกล่าวในฐานะเป็นหลักกฎหมายทั่วไป และนำไปบัญญัติเป็นกฎหมาย กรณีจึงมีความชัดเจนในการนำหลักการดังกล่าวไปปรับใช้กับข้อพิพาทเกี่ยวกับการเรียกให้ข้าราชการคืนสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เป็นเงินที่ได้รับไปโดยไม่มีสิทธิ และกำหนดให้หนังสือเรียกเงินคืนมีสถานะเป็นคำสั่งทางปกครอง แต่ในระบบกฎหมายไทย หลักการเรียกคืนทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่ได้รับไปโดยไม่มีสิทธิยังไม่ได้รับการพัฒนาขึ้นให้เป็นระบบ อันเป็นเหตุทำให้ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติเกี่ยวกับหลักการดังกล่าว เมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจแก่ฝ่ายปกครองเรียกเงินคืน หนังสือเรียกเงินคืนจึงไม่เป็นคำสั่งทางปกครอง แต่เป็นเพียงหนังสือทวงถามทางแพ่ง อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า การเรียกให้ข้าราชการคืนเงินที่ได้รับไปโดยไม่มีสิทธิสมควรเป็นอำนาจของฝ่ายปกครองที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำทางปกครอง ดังนั้น หนังสือเรียกเงินคืนจึงควรมีสถานะเป็นคำสั่งทางปกครอง และเพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะดังกล่าว จึงเห็นควรให้ฝ่ายนิติบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายโดยกำหนดให้ฝ่ายปกครองมีอำนาจออกคำสั่งเรียกคืนสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เป็นเงินของข้าราชการที่ได้รับไปโดยไม่มีสิทธิ