Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคาบอกเวลาในภาษาไทยถิ่นอีสานในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ทั้งด้านคาศัพท์และวิธีการบอกเวลา รวมทั้งวัฒนธรรมและโลกทัศน์ที่สะท้อนผ่านวิธีการบอกเวลา ข้อมูลที่ใช้ในงานวิจัยนี้ได้จากการสัมภาษณ์ผู้บอกภาษาจานวน 40 คน โดยถอดเสียงด้วย สัทอักษร เพื่อแสดงเสียงพูดของผู้บอกภาษา อาทิ ตะวันคล้อย /ta:²wen³khɔ:j⁶// ออกเสียงว่า ตา-เว็น-ค่อย หมายถึง เวลาบ่าย หรือ มื้ออื่น /mƜ⁶Ɯ⁴/ ออกเสียงว่า มื่อ-อื่น หมายถึง พรุ่งนี้ นอกจากนี้ ยังเก็บข้อมูลจากพจนานุกรมภาษาไทยถิ่นอีสาน รวมทั้งเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบคาบอกเวลาในภาษาไทยถิ่นอีสานในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนจานวนมาก และมีวิธีการบอกเวลาที่หลากหลาย โดยแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ ได้แก่ วิธีการบอกจุดของเวลา และวิธีการบอกระยะของเวลา ด้านวิธีการบอกจุดของเวลาสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ วิธีการบอกจุดของเวลาภายใน 1 วัน พบการบอกจุดของเวลาด้วยวิธีต่าง ๆ ได้แก่ วิธีการบอกเวลาโดยการสังเกตธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว อาทิ การสังเกตดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว วิธีการบอกเวลาโดยการสังเกตพฤติกรรมของคน ทั้งการสังเกตกิจวัตรประจาวันของพระสงฆ์และฆราวาส วิธีการบอกเวลาโดยการสังเกตพฤติกรรมของสัตว์ อาทิ ไก่ นก ควาย และจักจั่น และวิธีการบอกเวลาโดยใช้ระบบตัวเลข และอีกส่วนหนึ่ง คือ วิธีการบอกเวลาวัน เดือน ปีตามแนวคิดต่าง ๆ ได้แก่ แนวคิดอดีต ปัจจุบัน และอนาคต แนวคิดจุดเริ่มต้น และจุดปลาย และแนวคิดระบบปฏิทิน ด้านวิธีการบอกระยะของเวลาพบว่า มีการบอกระยะเวลา 2 วิธี ได้แก่ วิธีการบอกระยะเวลาโดยใช้สานวน และวิธีการบอกระยะเวลาโดยใช้หน่วยสร้าง นอกจากนี้ หากมองระยะเวลาในอีกมิติหนึ่ง อาจแบ่งระยะของเวลาออกได้ตามความสั้น-ยาว เป็นระยะเวลาสั้นและระยะเวลายาวนาน นอกจากนี้ ยังพบว่าคาบอกเวลาในภาษาไทยถิ่นอีสานในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนสามารถสะท้อนวัฒนธรรมของชาวไทยถิ่นอีสานในท้องถิ่นนี้ได้ โดยสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของชาวไทยถิ่นอีสานในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนว่า มีความสัมพันธ์กับธรรมชาติ มีความยึดมั่นในพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังคงมีความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ ถือวันดีวันร้ายต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน และด้านมุมมองเรื่องเวลาได้สะท้อนโลกทัศน์ของชาวไทยถิ่นอีสานในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนว่า เวลามีความสัมพันธ์กับธรรมชาติ คน และสัตว์ เวลามีลาดับแบบอดีต ปัจจุบัน อนาคต เวลาใน 1 วันสามารถแบ่งออกได้เป็นส่วน ๆ และเวลาหมุนเวียนไปตลอดโดยไม่หยุดนิ่ง