Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับการควบคุมการค้างาช้างตามหลักการของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (The Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora, CITES ) และการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย และมาตรการอื่น ๆ ที่มีส่วนในการควบคุมการค้างาช้างของไทย และวิเคราะห์ว่ากฎหมายและมาตรการเหล่านั้นมีข้อบกพร่องหรือไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาหรือไม่ เพื่อนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุงกฎหมายและการปฏิบัติอันเหมาะสมสำหรับประเทศไทยในอนาคตต่อไปผลการศึกษาพบว่า อนุสัญญาได้จัดให้งาช้างเป็นตัวอย่างพันธุ์ (Specimens) ของชนิดพันธุ์ (Species) ช้าง ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นชนิดพันธุ์ตามบัญชีแนบท้ายอนุสัญญา หมายเลข 1 และมีกฎระเบียบที่เข้มงวดในทางการค้าในทางระหว่างประเทศ ซึ่งการค้าจะถูกควบคุมโดยใช้ระบบใบอนุญาตส่งออก ใบอนุญาตนำเข้า ใบรับรองการนำผ่าน และในกรณีที่รัฐภาคีใดละเมิดหรือเพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามข้อบทของอนุสัญญา จะถูกปรับใช้มาตรการลงโทษ โดยการระงับทางการค้า (Trade Suspension) เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัฐภาคีนั้นเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีปัญหาการลักลอบค้างาช้างในทางระหว่างประเทศเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยเป็นภาคีแห่งอนุสัญญา และเคยถูกปรับใช้มาตรการระงับทางการค้า เนื่องจากกฎหมายของไทยยังไม่สอดคล้องกับอนุสัญญา ในปี พ.ศ. 2534 ทำให้ต้องมีการบัญญัติกฎหมายใหม่ เพื่อใช้ควบคุมการค้างาช้างภายในประเทศ ได้แก่ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. 2558 รวมทั้งกำหนดมาตรการทางกฎหมายและมาตรการด้านการบริหารจัดการในอันที่จะส่งเสริมประสิทธิภาพการควบคุมการค้างาช้างให้ดีขึ้นกว่าในอดีต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีมาตรการทางกฎหมายที่ช่วยให้การควบคุมการค้างาช้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังคงปรากฏปัญหาหลายประการในการควบคุมการค้างาช้างของไทย ทั้งที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมาย เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการกำหนดโทษผู้กระทำผิดกฎหมาย เป็นต้น และปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการของรัฐตามพันธกรณีของอนุสัญญา เช่น ปัญหาบุคลากรของหน่วยงานรัฐที่ยังคงขาดทักษะในการปฏิบัติการควบคุมการค้างาช้าง ปัญหาด้านงบประมาณในการดำเนินงาน เป็นต้น ดังนั้น วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ผู้เขียนจึงเสนอแนะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรการทางกฎหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมการค้างาช้างของประเทศไทย ได้แก่ การกำหนดโทษผู้กระทำความผิดตามมาตรา 24 ของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับข้อบทของอนุสัญญา รวมทั้งเสนอแนวทางการดำเนินการอื่น ๆ เพื่อให้การควบคุมการค้างาช้างของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น