Abstract:
ศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดหยาบสมุนไพรไทยทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร ข่า และใบฝรั่งโดยแบ่งการทดลองออกเป็น 4 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 หาค่าความเข้มข้นต่ำสุดในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Vibrio alginolyticus ที่ทำให้เกิดโรคปากบวมแดงในหอยหวาน (Minimal Inhibitory Concentration: MIC) และค่าความเข้มข้นต่ำสุดในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย (Minimal Bactericidal Concentration: MBC) พบว่าสารสกัดหยาบใบฝรั่งที่สกัดด้วยน้ำกลั่น โดยวิธีการต้มมีประสิทธิภาพในการยับยั้งและกำจัดแบคทีเรีย V.alginolyticus ได้สูงสุด (MIC = 2.73 mg/L และ MBC = 21.88 mg/L) รองลงมาคือ สารสกัดหยาบข่าที่สกัดด้วยเอธานอล 100% และสารสกัดหยาบข่าที่สกัดด้วยน้ำกลั่น (MIC = 2.73 – 10.94 mg/L และ MBC = 21.88 – 43.75 mg/L) ส่วนสารสกัดหยาบฟ้าทะลายโจรมีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรียได้ต่ำสุด (MIC = 5.47 mg/L และ MBC = 87.50 mg/L) ขั้นตอนที่ 2 หาค่าความเข้มข้นของเชื้อแบคทีเรีย V. alginolyticus ที่ทำให้หอยหวานตายลง 50 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง (Median lethal Dose at 24 hr: LD₅₀ at 24 hr) ด้วยวิธีการฉีดเชื้อเข้ากล้ามเนื้อเท้าของหอยหวาน พบว่ามีค่า LD₅₀ at 24 hr เท่ากับ 1.426 x 10⁸ cfu/ml ขั้นตอนที่ 3 ทดสอบหาความเป็นพิษของสารสกัดหยาบจากสมุนไพรไทยทั้ง 3 ชนิดที่ทำให้หอยหวานตายครึ่งหนึ่ง (50 เปอร์เซ็นต์) ภายในเวลา 96 ชั่วโมง โดยวิธีการแช่ พบว่าหอยหวานที่เลี้ยงในสารสกัดหยาบสมุนไพรไทยทั้ง 3 ชนิดจะมีอาการกระวนกระวายและดิ้นไปดิ้นมาทันทีหลังจากแช่ในสารสกัด โดยพบว่าสารสกัดหยาบฟ้าทะลายโจรมีความเป็นพิษระดับสูงที่สุด LD₅₀ at 96 hr = 385.25 มิลลิกรัม/ลิตร) รองลงมาคือ สารสกัดหยาบข่า LD₅₀ 96 hr = 809.39 มิลลิกรัม/ลิตร) และสารสกัดหยาบใบฝรั่งมีความเป็นพิษระดับต่ำที่สุด (LD₅₀ 96 hr = 3,017.11 มิลลิกรัม/ลิตร) และขั้นตอนที่ 4 ศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดหยาบสมุนไพรไทยทั้ง 3 ชนิดในการรักษาโรควิบริโอซีสในหอยหวานด้วยวิธีการแช่ต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วัน พบว่าสารสกัดหยาบข่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อในหอยหวานได้ดีที่สุด โดยระดับความเข้มข้นของสารสกัดหยาบฟ้าทะลายโจร ข่าและใบฝรั่งที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรักษาโรคสูงสุดคือ ระดับความเข้มข้น 18.75 และ 37.50 มิลลิกรัม/ลิตร ตามลำดับ แต่อัตราการรอดชีวิตของหอยหวานที่แช่ในสารสกัดหยาบสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด ไม่มีความแตกต่างกับชุดควบคุมบวกที่ได้รับเชื้อแบคทีเรียแต่ไม่ได้แช่สารสกัดสมุนไพร จากการศึกษานี้พบว่าสารสกัดหยาบใบฝรั่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งแบคทีเรีย v. alginolyticus ได้สูงสุด จึงมีความเป็นไปได้ในการนำสารสกัดหยาบจากใบฝรั่งมาประยุกต์ใช้ในวงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่อไป