DSpace Repository

ระเบียบวิธีการบรรเลงเพลงพระฉันมอญ

Show simple item record

dc.contributor.advisor บุษกร สำโรงทอง
dc.contributor.author ธนาธิป เผ่าพันธุ์
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะศิลปกรรมศาสตร์
dc.date.accessioned 2018-02-21T01:19:42Z
dc.date.available 2018-02-21T01:19:42Z
dc.date.issued 2549
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/57149
dc.description วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549 en_US
dc.description.abstract เพลงมอญ เป็นเพลงประเภทหนึ่งที่มีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งได้รับการสืบทอดมาแต่โบราณ ในปัจจุบันนี้เพลงมอญสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เพลงมอญโบราณและเพลงมอญประพันธ์ขึ้นใหม่ ซึ่งได้มีวิวัฒนาการจนถึงทุกวันนี้ งานวิจัยชิ้นนี้มุ่งศึกษาเรื่อง ระเบียบวิธีการบรรเลงเพลงพระฉันมอญ ซึ่งได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของ บ้านดนตรีเสนาะกับบ้านนายชื่น หริมพานิช ตลอดจนวิเคราะห์อัตลักษณ์ของเพลงพระฉันมอญและรวมไปถึงการศึกษาเปรียบเทียบระเบียบวิธีการบรรเลงต่างๆ ของเพลงพระฉัน มอญ ทางปทุมธานี กับ ทางปากลัด ผลการวิจัยพบว่า บ้านดนตรีเสนะเป็นสำนักปี่พาทย์มอญที่ได้รับถ่ายทอดเพลงมอญมาจากบรรพบุรุษชาวมอญ ส่วนบ้านนายชื่น หริมพานิช ได้รับการถ่ายทอดเพลงมอญจากบูรพาจารย์ที่มีเชื้อสายชาวมอญ พบว่าไม่มีความแตกต่างในนัยสำคัญ อัตลักษณ์เพลงพระฉันมอญ ทั้ง 2 ทาง มีการใช้บันไดเสียง 4 ทาง คือ ทางเพียงออบน ทางเพียงออล่าง ทางนอกและทางชวา ส่วนลักษณะทำนองมีการบรรเลงซ้ำทำนองเพลงในท่อนเพลงและในระหว่างเพลง การเปรียบเทียบระเบียบวิธีการบรรเลงพระฉันมอญ พบว่ามี 2 ลักษณะ คือลักษณะที่เหมือนกัน ได้แก่ ความหมายของเพลง โอกาสที่ใช้ ลูกตกเสียงในวรรคเพลง ส่วนลักษณะที่แตกต่างกัน คือ จำนวนเพลงที่ใช้ เพลงที่ใช้บรรเลง ลักษณะการดำเนินทำนองเพลงทางปทุมธานีมีลักษณะการตีเก็บทำนองเพลงมากกว่าทางปากลัด ซึ่งมีลักษณะการตีทำนองเพลงห่างๆ en_US
dc.description.abstractalternative Phleng Mon is has a special unique pattern, of melodies which has been inherited since the ancient time. At present, Phleng Mon can be divided into two types : (1) ancient Phleng Mon, (2) and the new composed Phleng Mon. These have been being developed until today. This research aims to study "Performance Methods of Phleng Phra Chan Mon playing." The study invertigats the history and the development of Bann Don Tree Sanaw and Bann Nai Chuen Hrimpanich, and also analyses Phleng Phra Chan Mon 's Styles. The study was made by comparing the playing techniques, occasions, and patterns of Phleng Phra Chan Mon in the pattern of Pathumtani and Pak Lad. The results of this research show that Bann Don Tree Sanaw plays a central role Mon Thai in preserring Phleng Mon from their Mon ancestors. For Bann Nai Chuen Hrimpanich, Phleng Mon was inherited by teachers and parents who are Mon descentss. Found that there 's no any difference in the matter. Both patterns of Phleng Phra Chan Mon 's styles use four types of scale, which are Thang Thiang Au Bon, Thang Thiang Au Lang, Thang Thiang Au Nok and Thangs Chawa. In the aspect of style, the song will be repeated according to the style and portion of songs. A comparison of orders and procedures of Phleng Phra Chan Mon shows that there are two kinds. Song 's meaning, occasion of playing, ending notes between two schouls are similar. But the number of songs used, songs used in playing, and the manner of playing style of song are different. Fo Pathumtani style, the music playing has full melody (Geb) more than Pak Lad style, whose playing style is relatively far interval. en_US
dc.language.iso th en_US
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.relation.uri http://doi.org/10.14457/CU.the.2006.1176
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject ปี่พาทย์ en_US
dc.subject ทฤษฎีดนตรี en_US
dc.subject นักดนตรี -- มอญ en_US
dc.subject เพลงพระฉันมอญ en_US
dc.subject Songs -- Theory en_US
dc.subject Musicians -- Mon (Southeast-Asian people) en_US
dc.subject เพลง -- การแสดง en_US
dc.subject Music -- Performance en_US
dc.title ระเบียบวิธีการบรรเลงเพลงพระฉันมอญ en_US
dc.title.alternative Performance methods of phleng phra chan mon en_US
dc.type Thesis en_US
dc.degree.name ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต en_US
dc.degree.level ปริญญาโท en_US
dc.degree.discipline ดุริยางค์ไทย en_US
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.email.advisor Bussakorn.S@Chula.ac.th
dc.identifier.DOI 10.14457/CU.the.2006.1176


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

  • Fine Arts - Theses [876]
    วิทยานิพนธ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์

Show simple item record