Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ขึ้นเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นในการเล่นเฟซบุ๊ก และความเข้มข้นในการเล่นอินสตาแกรมกับความพึงพอใจในชีวิต โดยมุ่งเน้นศึกษาว่าความสัมพันธ์นี้เปลี่ยนแปลงไปตามระดับการเปรียบเทียบตนเองกับคนที่ดีกว่าหรือไม่ โดยกลุ่มตัวอย่างคือ นิสิตระดับปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 275 โดยผู้เข้าร่วมการวิจัยทำการตอบแบบวัดความเข้มข้นในการเล่นเฟซบุ๊ก (α = .778) ความเข้มข้นในการเล่นอินสตาแกรม (α = .904) การเปรียบเทียบตนเองกับคนที่ดีกว่าในเฟซบุ๊ก (α = .842) เปรียบเทียบตนเองกับคนที่ดีกว่าในอินสตาแกรม (α = .878) และ ความพึงพอใจในชีวิต (α = .814) ตามลำดับ ผลการวิจัยพบว่า 1. ความเข้มข้นในการเล่นเฟซบุ๊กไม่มีสหสัมพันธ์ทางบวกกับความพึงพอใจในชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .070, p = .247, n.s.) 2. ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นในการเล่นเฟซบุ๊กและความพึงพอใจในชีวิตมีค่าเป็นบวก เพิ่มขึ้นเมื่อวัดในผู้ที่มีการเปรียบเทียบตนเองกับคนที่ดีกว่าในเฟซบุ๊กระดับสูง (β = 0.26, p = .002) ในขณะที่ผู้ที่มีการเปรียบเทียบตนเองกับคนที่ดีกว่าในเฟซบุ๊กระดับต่ำ ไม่ว่าจะมความเข้มข้นในการเล่นเฟซบุ๊กมากหรือน้อย จะมีความพึงพอใจในชีวิตไม่แตกต่างกัน (β = 0.054, p = .452, n.s.) 3. ความเข้มข้นในการเล่นอินสตาแกรมไม่มีสหสัมพันธ์ทางบวกกับความพึงพอใจในชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ (r = .089, p = .141, n.s.) 4. ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นในการเล่นอินสตาแกรมและความพึงพอใจในชีวิตเพิ่มขึ้น ในระดับที่ไม่แตกต่างกัน เมื่อวัดในผู้ที่มีการเปรียบเทียบตนเองกับคนที่ดีกว่าระดับสูง (β = .246, p = 003) หรือระดับต่ำ (β = .229, p = .004)
Description:
โครงงานทางจิตวิทยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2559
A senior project submitted in partial fulfillment of the requirements for the Degree of Bachelor of Science in Psychology, Faculty of Psychology, Chulalongkorn University, Academic year 2016