Abstract:
ทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับนานาชาติในเวทีเศรษฐกิจโลก การศึกษาในระดับอุดมศึกษามีส่วนสำคัญในการยกระดับทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายในการส่งเสริมการศึกษาในระดับอุดมศึกษาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี กำลังแรงงานที่มีการศึกษาระดับอุดมศึกษายังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อความต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของไทยทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว โดยพิจารณาว่าการศึกษามีลักษณะเป็นการบริโภค และมีลักษณะเป็นการลงทุนตามกรอบแนวคิดทฤษฎีทุนมนุษย์ โดยใช้แบบจำลอง Error Correction Model และข้อมูลอนุกรมเวลาในช่วงปี พ.ศ. 2520-2550 ในการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีต่อความต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยจำแนกเป็น 3 กลุ่ม ตามประเภทของมหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยจำกัดรับ มหาวิทยาลัยรัฐไม่จำกัดรับ และมหาวิทยาลัยเอกชน
ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจมีผลต่อความต้องการศึกษาต่อทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว โดยพบว่า ค่าเล่าเรียนมีความสัมพันธ์ในทางบวกกับความต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยจำกัดรับและมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งไม่เป็นไปตามทฤษฏีทุนมนุษย์ เนื่องมาจากปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสะ (Multicollinearity) บางตัว รายได้เฉลี่ยต่อประชากรมีความสัมพันธ์ในทางบวกกับความต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัฐจำกัดรับและมหาวิทยาลัยเอกชน รายได้ที่คาดว่าจะได้รับจากการทำงานมีความสัมพันธ์ในทางบวกกับความต้องการศึกษาต่อ ในมหาวิทยาลัยรัฐจำกัดรับ อัตราผลอบแทนจากการศึกษามีความสัมพันธ์ในทางบวกกับความต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัฐจำกัดรับและมหาวิทยาลัยเอกชน ส่วนค่าเสียโอกาสมีความสัมพันธ์ในทางลบกับความต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัฐจำกัดรับและมหาวิทยาลัยเอกชน แต่มีความสัมพันธ์ในทางบวกกับความต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัฐ ไม่จำกัดรับอัตราการว่างงานมีความสัมพันธ์ในทางบวกกับความต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัฐไม่จำกัดรับและมหาวิทยาลัยเอกชน แต่มีความสัมพันธ์ในทางลบกับความต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัฐจำกัดรับ สำหรับกรณีของการมีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษามีส่วนช่วยให้ผู้เรียนตัดสินใจศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยทั้ง 3 ประเภทเพิ่มมากขึ้น