Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ
เพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีการบันทึกแบบคอร์เนลล์ และเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ พฤติกรรมการเรียน ความเครียดและความกังวลของนักเรียนที่ได้ใช้วิธีการบันทึกแบบคอร์เนลล์ ระหว่างการวัดก่อนเรียนและหลังเรียน และเพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ พฤติกรรมการเรียนที่ได้จากการประเมินโดยครู โดยเพื่อน และโดยตนเองระหว่างเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม ปีการศึกษา 2549 จำนวน 39 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ การสอนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการบันทึกแบบคอร์เนลล์ แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของ
นักเรียน แบบประเมินตนเองและแบบประเมินเพื่อน และแบบวัดความเครียดและความกังวล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยด้วยการทดสอบ t (t-test)
การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ และการวิเคราะห์ตารางไขว้ ผลการวิจัยพบว่า (1) ค่าเฉลี่ยความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจก่อนเรียนสูงกว่าหลังเรียนซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานวิจัย (2) ค่าเฉลี่ยความเครียดและความกังวลของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนอยู่ในระดับเดียวกันคือระดับปานกลาง ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานวิจัย (3) ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการเรียนที่ประเมินโดยครู แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานวิจัย (4) ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการเรียนที่ประเมินโดยเพื่อน และโดยตนเอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05