Abstract:
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามาตรการทางกฎหมายของสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ เพื่อบรรเทาความเสียหายจากการหลอกลวงให้โอนเงินทางโทรศัพท์
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่
ของธนาคารพาณิชย์ในการยับยั้งหรือระงับการเดินธุรกรรมกับบัญชีเงินฝาก ในกรณีที่
มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าลูกค้าใช้บัญชีดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด จะเห็นได้ว่า
การหลอกลวงให้โอนเงินทางโทรศัพท์เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่พบมากที่สุดในปัจจุบัน
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม ทำให้รูปแบบอาชญากรรม
ทางเศรษฐกิจซับซ้อนมากตามไปด้วย
จากการศึกษาพบว่า กระบวนการทางกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การฟอกเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก
เนื่องจากมีการกำหนดหน้าที่ระเบียบวิธีปฏิบัติ และขั้นตอน ในการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง
ค่อนข้างมากและให้เวลานาน ส่งผลให้เมื่อเกิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในลักษณะดังกล่าว
ไม่สามารถติดตามผู้กระทำความผิดและเงินที่ผู้กระทำความผิดหลอกลวงจากประชาชนไป
ได้อย่างทันท่วงที ในความเป็นจริงธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นตัวกลางในระบบเศรษฐกิจและ
มีความใกล้ชิดกับบัญชีเงินฝากมากที่สุดและรู้จักตัวตนของลูกค้าเป็นอย่างดี น่าจะเป็นกลไกล
ที่ดีที่จะสามารถระงับหรือยับยั้งความเสียหายจากการใช้บัญชีเงินฝากเป็นเครื่องมือ
ในการกระทำความผิด แต่กลับไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการระงับการเดินธุรกรรมกับบัญชี
เงินฝากเหล่านั้นได้เอง ถึงแม้ว่าธนาคารจะมีเอกสารหลักฐานที่แน่ชัดว่ามีการนำบัญชีเงินฝาก
ไปเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดก็ตาม ดังนั้น จึงสมควรเพิ่มเติมมาตรการทางกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของสถาบันการเงินเพื่อที่จะสามารถลดมูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงให้โอนเงินทางโทรศัพท์ได้มากขึ้น โดยการเพิ่มเติมอำนาจตามกฎหมายให้กับธนาคาร
ในการระงับหรือยับยั้งการเดินธุรกรรมกับบัญชีเงินฝากที่อาชญากรใช้เป็นเครื่องมือ
ในการกระทำ ความผิดชั่วคราว ในกรณีที่ธนาคารตรวจพบหรือมีหลักฐานแน่ชัดได้เอง
ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ช่วยบรรเทาความเสียหายให้กับประชาชนผู้ได้รับความเสียหายและ
ระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ