dc.contributor.advisor |
คณพล จันทน์หอม |
|
dc.contributor.author |
ณัฐวุฒิ ไวทย์รุ่งโรจน์ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2018-12-03T03:05:52Z |
|
dc.date.available |
2018-12-03T03:05:52Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60892 |
|
dc.description |
เอกัตศึกษา(ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
en_US |
dc.description.abstract |
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามาตรการทางกฎหมายของสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ เพื่อบรรเทาความเสียหายจากการหลอกลวงให้โอนเงินทางโทรศัพท์
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่
ของธนาคารพาณิชย์ในการยับยั้งหรือระงับการเดินธุรกรรมกับบัญชีเงินฝาก ในกรณีที่
มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าลูกค้าใช้บัญชีดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด จะเห็นได้ว่า
การหลอกลวงให้โอนเงินทางโทรศัพท์เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่พบมากที่สุดในปัจจุบัน
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม ทำให้รูปแบบอาชญากรรม
ทางเศรษฐกิจซับซ้อนมากตามไปด้วย
จากการศึกษาพบว่า กระบวนการทางกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การฟอกเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก
เนื่องจากมีการกำหนดหน้าที่ระเบียบวิธีปฏิบัติ และขั้นตอน ในการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง
ค่อนข้างมากและให้เวลานาน ส่งผลให้เมื่อเกิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในลักษณะดังกล่าว
ไม่สามารถติดตามผู้กระทำความผิดและเงินที่ผู้กระทำความผิดหลอกลวงจากประชาชนไป
ได้อย่างทันท่วงที ในความเป็นจริงธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นตัวกลางในระบบเศรษฐกิจและ
มีความใกล้ชิดกับบัญชีเงินฝากมากที่สุดและรู้จักตัวตนของลูกค้าเป็นอย่างดี น่าจะเป็นกลไกล
ที่ดีที่จะสามารถระงับหรือยับยั้งความเสียหายจากการใช้บัญชีเงินฝากเป็นเครื่องมือ
ในการกระทำความผิด แต่กลับไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการระงับการเดินธุรกรรมกับบัญชี
เงินฝากเหล่านั้นได้เอง ถึงแม้ว่าธนาคารจะมีเอกสารหลักฐานที่แน่ชัดว่ามีการนำบัญชีเงินฝาก
ไปเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดก็ตาม ดังนั้น จึงสมควรเพิ่มเติมมาตรการทางกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของสถาบันการเงินเพื่อที่จะสามารถลดมูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงให้โอนเงินทางโทรศัพท์ได้มากขึ้น โดยการเพิ่มเติมอำนาจตามกฎหมายให้กับธนาคาร
ในการระงับหรือยับยั้งการเดินธุรกรรมกับบัญชีเงินฝากที่อาชญากรใช้เป็นเครื่องมือ
ในการกระทำ ความผิดชั่วคราว ในกรณีที่ธนาคารตรวจพบหรือมีหลักฐานแน่ชัดได้เอง
ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ช่วยบรรเทาความเสียหายให้กับประชาชนผู้ได้รับความเสียหายและ
ระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.relation.uri |
http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.43 |
|
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.subject |
การฟอกเงิน |
en_US |
dc.title |
มาตรการทางกฎหมายของสถาบันการเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการหลอกลวงให้โอนเงินทางโทรศัพท์ |
en_US |
dc.type |
Independent Study |
en_US |
dc.degree.name |
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
en_US |
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
en_US |
dc.degree.discipline |
กฎหมายเศรษฐกิจ |
en_US |
dc.degree.grantor |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.email.advisor |
Kanaphon.C@Chula.ac.th |
|
dc.subject.keyword |
โอนเงินทางโทรศัพท์ |
en_US |
dc.subject.keyword |
บัญชีเงินฝาก |
en_US |
dc.identifier.DOI |
10.58837/CHULA.IS.2017.43 |
|