Abstract:
การแก้ปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินในประชากรถือเป็นความท้าทายที่สำคัญด้านสาธารณสุข โดยมีความสนใจที่จะนำสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook มาใช้ในการทำกิจกรรมเพื่อส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและทำให้น้ำหนักตัวลดลง วัตถุประสงค์แรกของการศึกษานี้คือการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบเพื่อศึกษาประสิทธิผลของการประยุกต์ใช้กิจกรรมการลดน้ำหนักในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่ผ่านมา โดยการสืบค้นงานวิจัยจากฐานข้อมูล PubMed Scopus และ Cochrane Library โดยสืบค้นในช่วงปี พ.ศ. 2548-2557 เลือกงานวิจัยการทดลองแบบสุ่มที่ใช้ภาษาอังกฤษหรือไทย ภายใต้คำสำคัญที่ใช้สืบค้นเกี่ยวกับภาวะน้ำหนักเกินและการใช้สื่อสังคมออนไลน์พบว่ามีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจำนวน 436 บทความ และที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 2 บทความ โดยการศึกษาดังกล่าวมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ คือ Facebook หรือ Twitter และพบความแตกต่างในผลการลดลงของน้ำหนักระหว่างกลุ่มทั้งที่ให้ผลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและที่ไม่พบความแตกต่าง อันจะเห็นได้ว่างานวิจัยทางด้านนี้ยังมีปริมาณน้อยและผลในภาพรวมยังไม่ชัดเจน วัตถุประสงค์ที่สองของการศึกษานี้คือการทดลองเพื่อเปรียบเทียบผลของการประยุกต์ใช้กิจกรรมการลดน้ำหนักในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินในกลุ่มทดลองที่ทำกิจกรรมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ Facebook เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ทำกิจกรรมแบบออฟไลน์และใช้หนังสือคู่มือเป็นสื่อ โดยใช้ระยะเวลาศึกษา 6 เดือน แบ่งเป็นช่วงทดลอง 4 เดือน และช่วงติดตามผล 2 เดือน กลุ่มตัวอย่างจำนวน 66 คนเป็นนิสิตระดับปริญญาตรีจากคณะต่าง ๆ ที่ถูกสุ่มเข้าสู่กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม แต่ละกลุ่มมีอาสาสมัครจำนวน 33 คน ทั้งสองกลุ่มมีพื้นฐานกิจกรรมคล้ายกันคือการเรียนรู้จากหลักสูตรด้านโภชนาการและการออกกำลังกาย การรายงานน้ำหนักประจำวัน การได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และกิจกรรมการถามตอบคำถาม ส่วนที่แตกต่างคือการจัดกิจกรรมแบบออนไลน์ผ่าน Facebook หรือแบบออฟไลน์โดยใช้หนังสือคู่มือและติดต่อผ่านทางเอกสาร ข้อมูลพื้นฐานของทั้งสองกลุ่มก่อนเริ่มทดลองไม่แตกต่างกันยกเว้นรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มทดลองมีการร่วมกิจกรรมขอรับคำปรึกษามากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ มีการเพิ่มของคะแนนด้านความรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อวัดตั้งแต่ก่อนทดลองจนถึงเดือนที่ 6 ทั้งสองกลุ่มมีความพึงพอใจเมื่อสิ้นสุดเดือนที่ 4 และ 6 ในระดับดีมาก และระดับ Body Mass Index (BMI) และ Weight-to-Height Ratio (WHtR) ณ เดือนที่ 4 ของกลุ่มทดลองลดลงมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ Mean diff (95% Cl) เท่ากับ 0.72 (0.13,1.30) และ 0.00758 (0.00157,0.01358) ตามลำดับ แต่การลดลงไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญเมื่อวัด ณ เดือนที่ 6 อันแสดงให้เห็นว่าการใช้สื่อสังคมออนไลน์ Facebook สามารถส่งผลต่อการลดลงของค่า BMI และ WHtR ในช่วงการทดลองแต่ผลที่ได้อาจไม่ยั่งยืน ซึ่งการจะนำสื่อสังคมออนไลน์ไปใช้ในทางสาธารณสุขควรพิจารณาประเด็นจากการศึกษาเหล่านี้ด้วย