Abstract:
หลักการและเหตุผล: โรคไตเรื้อรังเป็นภาวะที่ไตมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ซึ่งจะมีความเสื่อมเพิ่มขึ้นและไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติ สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากได้ เนื่องจากภาวะคั่งยูเรียในเลือด ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงมีข้อสันนิษฐานว่าคนที่เป็นโรคไตเรื้อรังอาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคปริทันต์อักเสบมากกว่าคนปกติ วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างโรคไตเรื้อรังกับโรคปริทันต์อักเสบ รวมทั้งเปรียบเทียบสภาวะปริทันต์และหาอัตราเสี่ยงของการเป็นโรค ปริทันต์อักเสบในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเทียบกับคนปกติ วิธีการ: กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 5,125 คน กลุ่มตัวอย่างได้รับการซักประวัติ ตรวจร่างกายและตรวจสภาวะปริทันต์ การจำแนกประเภทของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังใช้การประเมินจากค่าอัตราการกรองของกรวยกรองไต ซึ่งคำนวณจากระดับครีเอตินินในเลือดร่วมกับการตรวจโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ขณะที่การจำแนกระดับความรุนแรงของโรคปริทันต์อักเสบอาศัยค่าเฉลี่ยระดับยึดของอวัยวะปริทันต์ทางคลินิก ทำการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของโรคไตเรื้อรังกับโรคปริทันต์อักเสบด้วยการทดสอบไคสแควร์ รวมทั้งทำการเปรียบเทียบระดับความรุนแรงและค่าการกระจายตัวของโรคระหว่างกลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังกับคนปกติ ด้วยการทดสอบทางสถิติของครัสคาลและวัลลิส และทำการวิเคราะห์หาอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคปริทันต์อักเสบในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ด้วยสถิติสมการความถดถอยโลจิสติกแบบหลายตัวแปร ผลการศึกษา: มีกลุ่มตัวอย่างที่มีข้อมูลครบถ้วนทั้งสิ้น 3,206 คน มีอายุระหว่าง 39-73 ปี พบว่า โรคไตเรื้อรังกับโรคปริทันต์อักเสบมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.01) โดยในกลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังทั้งระดับปานกลางและระดับรุนแรง จะมีความชุกของโรคปริทันต์อักเสบมากกว่าในกลุ่มคนปกติ นอกจากนี้พบว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจะมีค่าเฉลี่ยระดับยึดอวัยวะปริทันต์ และค่าการกระจายตัวของโรคปริทันต์อักเสบสูงกว่าคนปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.01) และพบว่า ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจะมีอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคปริทันต์มากกว่าคนปกติ 1.24-1.55 เท่า อย่างไรก็ตามภายหลังการวิเคราะห์หาอัตราเสี่ยงปรับ โดยการควบคุมปัจจัยด้านเพศ อายุ เศรษฐานะ การศึกษา การสูบบุหรี่และโรคเบาหวาน ไม่พบว่าผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีความเสี่ยงในการโรคปริทันต์อักเสบแตกต่างจากคนปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สรุป: โรคไตเรื้อรังมีความสัมพันธ์ แต่ไม่เป็นอิสระกับการเกิดโรคปริทันต์อักเสบ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะทั้งสองโรคมีหลายปัจจัยร่วมที่เหมือนกัน โดยผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีสภาวะปริทันต์ที่ไม่ดีเมื่อเทียบกับคนปกติ ดังนั้นควรมีการสนับสนุนให้มีการใส่ใจถึงสภาวะปริทันต์ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีสุขภาพช่องปากดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นไปด้วย