Abstract:
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดระดับความรู้และทัศนคติของข้าราชการเกี่ยวกับสิทธิสตรีไทยในกฎหมายครอบครัว และศึกษาถึงปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลต่อความรู้และทัศนคติของข้าราชการเกี่ยวกับสิทธิสตรีไทยในกฎหมายครอบครัว กลุ่มตัวอย่างคือข้าราชการที่ทำงานในหน่วยราชการที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล ระหว่างปี พ.ศ. 2544-2545 โดยเลือกตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนได้ข้าราชการที่เป็นตัวอย่างทั้งสิ้น 680 คน และเก็บรวบรวมข้อมูลโดยให้ข้าราชการที่เป็นตัวอย่างกรอกแบบสอบถามตัวยตนเอง การศึกษาครั้งนี้พบว่าข้าราชการไทยมีความรู้เกี่ยวกับสิทธิสตรีไทยในกฎหมายครอบครัวในระดับปานกลาง และมีทัศนคติเชิงเป็นกลางเกี่ยวกับสิทธิสตรีไทยในกฎหมายครอบครัว การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยวิธีวิเคราะห์การถดถอยแบบสองตัวแปร และแบบหลายตัวแปร เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรความรู้เกี่ยวกับสิทธิสตรีไทยในกฎหมายครอบครัวกับปัจจัยต่าง ๆ นั้น พบว่าตัวแปรอิสระที่ส่งผลต่อความรู้ของข้าราชการไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ น้อยกว่า 0.05 คือ ระดับการศึกษา และการตัดสินใจเรื่องสำคัญภายในครอบครัว โดยตัวแปรทั้งสองที่กล่าวมานั้นมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความรู้ในเรื่องตังกล่าว และกลุ่มตัวแปรอิสระทั้งหมดที่นำเข้าสู่สมการวิเคราะห์การถดถอย สามารถอธิบายความผันแปรของตัวแปรตามคือ ความรู้เกี่ยวกับสิทธิสตรีไทยในกฎหมายครอบครัว ร้อยละ 4.3 การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยวิธีวิเคราะห์การถดถอยแบบสองตัวแปร และแบบหลายตัวแปร เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทัศนคติเกี่ยวกับสิทธิสตรีไทยในกฎหมายครอบครัวกับปัจจัยต่าง ๆ นั้น พบว่าตัวแปรอิสระที่ส่งผลเชิงลบต่อทัศนคติของข้าราชการไทยอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับน้อยกว่า 0.05 คือ เพศ และตัวแปรอิสระที่ส่งผลเชิงบวกต่อทัศนคติของข้าราชการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับน้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.05 คือ ทัศนคติต่อการแบ่งบทบาทและกำหนดหน้าที่ระหว่างเพศ และกลุ่มตัวแปรอิสระทั้งหมดที่นำเข้าสู่สมการวิเคราะห์การถดถอย สามารถอธิบาย ความผันแปรของตัวแปรตามคือ ทัศนคติเกี่ยวกับสิทธิสตรีไทยในกฎหมายครอบครัว ร้อยละ 6.3