Abstract:
การวิจัย ในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้และทัศนคติในเรื่องเพศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สังกัด กรมสามัญศึกษาในจังหวัดสมุทรปราการ โดย ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 475 คน เครื่องที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถาม 2 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นแบบสอบถามนักเรียนประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล รูปแบบการเลี้ยงดู ความรู้และทัศนคติต่อ เรื่องเพศ การอบรมสั่งสอนเรื่องเพศในครอบครัว ส่วนที่ 2 เป็นแบบสอบถามผู้ปกครองประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของครอบครัว ความเรื่องเพศ ทัศนคติในการสอนเรื่องเพศ เนื้อหาเรื่องเพศและวิธีการสอน วิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าตํ่าสุด ค่าสูงสุด สถิติ เชิงอนุมาน ได้แก่ t-test F-test Scheffe’s method Stepwise Multiple Regression ผลการศึกษาพบว่า ความรู้และทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในจังหวัดสมุทรปราการอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรู้เรื่องเพศอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติได้แก่ เพศ การได้รับความรู้เรื่องเพศจากสื่อต่าง ๆ ของบุตร รูปแบบการเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย รูปแบบการเลี้ยงดูแบบใช้อำนาจควบคุม ลักษณะการคบเพื่อนต่างเพศเป็นเพื่อนสนิท ลักษณะบ้านที่อยู่ โดยมีค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p<0.01 ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับทัศนคติต่อเรื่องเพศอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ เกรดเฉลี่ยสะสมการได้รับข้อมูลเรื่องเพศจากสื่อต่าง ๆ ของบุตร สถานภาพสมรสของบิดามารดา การทำกิจกรรมกับเพื่อนโดยการทานข้าวร่วมกัน และการใช้สวนสาธารณะเป็นที่พบปะสังสรรค์ โดยมีค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p<0.01 ปัจจัยทำนายความรู้เรื่องเพศ ตัวแปรอิสระที่มีผลเชิงบวก คือ การได้รับข้อมูลเรื่องเพศของบุตร รูปแบบการเลี้ยงดูลักษณะการเลือกคบเพื่อน ลักษณะที่พักอาศัย ตัวแปรอิสระที่มีผลเชิงลบ คือ เพศ ทัศนคติในการสอนเรื่องเพศวิธีการสอน สถานที่พบปะสังสรรค์กับเพื่อน สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตามได้ร้อยละ 69 ส่วน ปัจจัยทำนายทัศนคติต่อเรื่องเพศ เชิงบวกคือ เกรดเฉลี่ย แหล่งข้อมูลเรื่องเพศ กิจกรรมที่ทำกับเพื่อน ความถี่ในการทำกิจกรรม สถานที่พบปะ ตัวแปรเชิงลบ คือ ข้อมูลเรื่องเพศที่ผู้ปกครองได้รับ สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตามได้ร้อยละ 57