Abstract:
ในการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาถึงการมองตนเองและโลกทัศน์ของชนชั้นกลางคริสเตียนใน ชุมชนคริสตจักรใจสมานโดยผ่านวิถีชีวิตแบบคริสเตียน ขอบเขตของการศึกษา เป็นการศึกษาถึงสถานภาพ บทบาท การมองตนเองและโลกทัศน์ รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของชนชั้นกลางคริสเตียน โดยใช้วิธีการสังเกตแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการกับ เจ้าหน้าที่คริสตจักรและการสัมภาษณ์เจาะลึกผู้ให้ข้อมูลจำนวน 10 คน รวมถึงแจกแบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานอาชีพ รายได้ การศึกษา และอื่นๆ จำนวน 100 ชุด ผลการศึกษาพบว่า ชนชั้นกลางคริสเตียนใจสมานมีสำนึกรับรู้ และระบุว่าตนเองอยู่ในชนชั้นกลางของสังคม และพวกเขามีวิถีชีวิตแบบชนชั้นกลาง ทั้งในเรื่องการบริโภค ความสนใจในเรื่องอาชีพการงาน ความก้าวหน้า ความสำเร็จในชีวิต และให้คุณค่าในเรื่องการศึกษาสูง ชนชั้นกลางคริสเตียนใจสมานมีภูมิหลังที่แตกต่างกันค่อนข้างมากแต่มีค่านิยมทางสังคม วิถีชีวิตและพฤติกรรมทางสังคมที่คล้ายกัน ทั้งในเรื่องทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ชนชั้นกลางคริสเตียนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากชนชั้นกลางกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากมีหลักศาสนาเป็นกรอบในการกำหนดแนวคิด และการดำเนินชีวิตในทุกเรื่อง รวมถึงการมองตนเองและ โลกทัศน์ของชนชั้นกลางคริสเตียน ผลการศึกษาพบว่า ชนชั้นกลางคริสเตียนมองตนเองมีคุณค่า ชีวิตในโลกนี้เป็นชีวิตที่มีความหมาย มีเป้าหมาย มีความหวัง และมองว่าตนเองมีโอกาสดีกว่าผู้อื่น เนื่องจากมีพระเจ้าเป็น ผู้อวยพระพร ชนชั้นกลางคริสเตียนจะปรับตัวได้ดีกับกลุ่มเพื่อนชาวพุทธ และการอยู่ในสังคมคริสเตียนทำให้ รู้สึกอบอุ่น ส่วนโลกทัศน์ในทางเศรษฐกิจ พบว่า หลักคำสอนทางศาสนามีอิทธิพลต่อชีวิตการทำงานของชนชั้นกลางคริสเตียนค่อนข้างมาก โดยพวกเขาจะยึดหลักคำสอนต่างๆ เพื่อมาปรับใช้กับอาชีพของตนเอง โดยเชื่อว่าเมื่อปฎิบัติตามจะได้รับพระพรจากพระเจ้า แล้วอาชีพการงานก็จะประสบผลสำเร็จ โลกทัศน์ทางการเมือง พบว่า จริยธรรมคริสเตียนมีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง ทำให้ชนชั้นกลางคริสเตียนตระหนักถึงสิทธิหน้าที่ของตนเอง และส่งผลต่อการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในระดับสูง โลกทัศน์ทางสังคม พบว่า หลักคำสอนของศาสนาคริสต์มีอิทธิพลอย่างมาก ในการทำให้ชนชั้นกลางคริสเตียนตระหนักถึงหน้าที่ที่คริสเตียนควรรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการนำประโยชน์และการพัฒนามาสู่สังคมที่ตนเองอยู่ ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย อีกทั้งยังเป็นช่องทางหนึ่งในการประกาศศาสนา