Abstract:
วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้มี 4 ข้อคือ 1. เพื่อศึกษาทัศนคติของนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) ที่มีต่อวิชาพลศึกษา 2. เพื่อเปรียบเทียบทัศนคติทางพลศึกษาของนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) 3. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) ที่มีต่อวิชาพลศึกษา 4. เพื่อสำรวจความสนใจและความต้องการของนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) ที่มีต่อประเภทของกิจกรรมพลศึกษา วิธีดำเนินการวิจัย: ผู้วิจัยได้นำแบบสอบถามความคิดเห็นนักเรียนที่มีต่อวิชาพลศึกษาในด้านต่าง ๆ และมาตรวัดทัศนคติทางพลศึกษาไปใช้กับนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) ได้ข้อมูลกลับคืนจำนวน 961 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 1,111 คน คิดเป็นร้อยละ 86.50 ของนักเรียนทั้งหมด นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และทดสอบภายหลังโดยใช้วิธีของเชฟเฟ่ ผลของการวิจัยได้นำเสนอในรูปตารางประกอบการอธิบาย ผลการวิจัย: 1. นักเรียนชายกับนักเรียนหญิงโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) มีคะแนนทัศนคติทางพลศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้และพบว่าทัศนคติของนักเรียนชายดีกว่านักเรียนหญิง 2. นักเรียนชายมีความต้องการและสนใจในกิจกรรมพลศึกษามากที่สุด คือ ฟุตบอล รองลงมาคือ บาสเกตบอล 3. นักเรียนหญิงมีความต้องการและสนใจในกิจกรรมพลศึกษามากที่สุด คือ แบดมินตัน รองลงมาคือ บาสเกตบอล