DSpace Repository

การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการสิ่งแวดล้อมศิลปกรรม : ศึกษากรณี โบราณสถาน

Show simple item record

dc.contributor.advisor ปารีณา ศรีวนิชย์
dc.contributor.author สุวิทย์ พิทักษ์ธีระธรรม
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์
dc.date.accessioned 2020-07-03T09:01:06Z
dc.date.available 2020-07-03T09:01:06Z
dc.date.issued 2548
dc.identifier.isbn 9741753241
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/66873
dc.description วิทยานิพนธ์ (น.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548
dc.description.abstract จุดประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้เพื่อศึกษาถึงกระบวนการในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมของการจัดการสิ่งแวดล้อมศิลปกรรม ประเภทโบราณสถานรวมทั้งเพื่อให้ทราบถึงข้อบกพร่อง และข้อจำกัดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ และบทบาทของหน่วยงานที่ทำหน้าที่อนุรักษ์คุ้มครองสิ่งแวดล้อมศิลปกรรม ประเภทโบราณสถานจากการศึกษาพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อมศิลปกรรม ประเภทโบราณสถานได้นั้น เพราะว่าหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ที่ทำหน้าที่จัดการแต่เพียงฝ่ายเดี่ยว ไม่เปิดโอกาสให้กับประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการด้วยเท่าที่ควร ทั้งนี้มีสาเหตุสำคัญ เนื่องมาจากว่าประชาชนส่วนใหญ่ ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และหลักการที่ถูกต้องอนุรักษ์ รวมทั้งขาดจิตสำนึก และความตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของสิ่งแวดล้อมศิลปกรรม ประเภทโบราณสถาน จึงทำให้การอนุรักษ์คุ้มครองที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรและไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ที่ต้องการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศจากสภาพดังกล่าว ผู้วิจัยจึงได้เสนอแนะให้ปรับปรุง และแก้ไขบทบัญญัติของกฏหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมประเภทโบราณสถาน ให้มีความเหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป และเพื่อให้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 รวมทั้งต้องเร่งปลูกฝังจิตสำนึก ความตระหนัก ความรู้ ความเข้าใจ และหนักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมประเภทโบราณสถาน ที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
dc.description.abstractalternative The purpose of this study is to analyze the process that allows public participation in Cultural Heritage management case study of Antiquites. And to find out some disadvantages of regulation limit related to Cultural Heritage and the role an organization which is in change for the Antiguites.According to the study, the outstanding factor that hinders participation in managing Cultural Heritage is due to the government policy, as it does not give people opportunity to participate in the process. People lack knowledge and right understanding of Cultural Heritage. Therfore, the plan to conserve Antiquites has not been successful so far.From that overview, L, as a researcher suggest that we should The Constitution of the Kingdom of Thailand, BE.2540(1997) that allow people to play role in developing the Country. An existing provision needs to be amended so that people can participate in managing the Antiquites. Moreover people must be taught and motivated to be responsible for Cultural Heritage.
dc.language.iso th
dc.publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.subject โบราณสถาน -- การอนุรักษ์และการบำรุงรักษา -- การมีส่วนร่วมของประชาชน
dc.subject สิ่งแวดล้อม (ศิลปกรรม) -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
dc.subject การมีส่วนร่วมทางสังคม -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
dc.subject Antiquities -- Conservation and restoration -- Citizen participation
dc.subject Environment (Art) -- Law and legislation
dc.subject Social participation -- Law and legislation
dc.title การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการสิ่งแวดล้อมศิลปกรรม : ศึกษากรณี โบราณสถาน
dc.title.alternative Public participation in cultural heritage management : case study of antiquities
dc.type Thesis
dc.degree.name นิติศาสตรมหาบัณฑิต
dc.degree.level ปริญญาโท
dc.degree.discipline นิติศาสตร์
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
dc.email.advisor Pareena.S@Chula.ac.th , Pareena.Lawchula@Gmail.com


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record