Abstract:
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนชาวจีนกับชุมชนชาวมุสลิมในจังหวัดปิดตานี โดยมองผ่านการพิจารณาสุสานลิ้มกอเหนี่ยวซึ่งเป็นกาพตัวแทนของอัตลักษณ์จีนที่มีต่อความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างชาวจีนกับชาวมุสลิม และความสัมพันธ์ของชุมชนทั้งสองทีมีต่อกัน รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลทีมีต่อสุสานลิ้มกอเหนียวอันมีมัสยิดกรือเซะเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของชุมชนทั้งสอง ปัตตานีในอดีตเป็นเมืองท่าทางการค้าที่สำคัญของอาณาจักรลังกาสุกะ จึงทำให้มีผู้คนเข้า มาตั้งถิ่นฐานในปัตตานีเป็นจำนวนมาก ชาวจีนและชาวมุสลิมเป็นสองชุมชนที่อาศัยอยู่ในปัตตานีมีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาถึงปัจจุบันว่า ลิ้มโต๊ะเคี่ยมเป็นชาวจีนที่เดินทางมาในปัตตานีและได้แต่งงานกับสตรีชาวมุสลิม เปลี่ยนศาสนาเป็นศาสนาอิสลาม และได้อาสาเจ้าเมืองสร้างมัสยิดกรือเซะประจวบกับลิ้มกอเหนี่ยวน้องสาวได้เดินทางมาตามให้กลับเมืองจีน ลิ้มโต๊ะเคี่ยมไม่ยอมกลับจึงทำให้ลิ้มกอเหนี่ยวฆ่าตัวตาย โดยนางได้สาปแช่งไม่ให้ลิ้มโต๊ะเคี่ยมสร้างมัสยิดได้สำเร็จ ลิ้มโต๊ะเคี่ยมได้สร้างสุสานให้คับลิ้มกอเหนี่ยว ปรากฎต่อมาว่าสุสานลิ้มกอเหนี่ยวได้เป็นภาพตัวแทนของความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างชุมชนชาวจีนกับชุมชนชาวมุสลิมในสายตาของชาวจีนมาตลอด เนื่องจากชาวจีนต้องการรักษาอัดลักษณ์จีนของตนไว้เมื่อเป็นชนกลุ่มน้อยในชุมชน จึงต้องสร้างความมั่นคงในจิตใจของตนขึ้น อย่างไรก็ดี ชาวจีนได้ปรับตัวในการอยู่ร่วมกับชาวมาเลย์มุสลิมได้ แต่เมื่อมีนโยบายของรัฐเกี่ยวกับโบราณสถานและการส่งเสริมการท่องเที่ยวมาเกี่ยวข้อง ทำให้ชาวมุสลิมไม่พอใจและก่อการประท้วงขึ้น ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนทั้งสองในปัตตานี