DSpace Repository

การสำรวจความชุก และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระดับความรุนแรงของโรคหอบหืด ในเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้น ของโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง ร.พ.นพรัตนราชธานี

Show simple item record

dc.contributor.advisor ทัสสนี นุชประยูร
dc.contributor.advisor สมรัตน์ เลิศมหาฤทธิ์
dc.contributor.author ผุสดี ธรรมานวัตร์, 2497-
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์
dc.date.accessioned 2020-08-14T03:42:17Z
dc.date.available 2020-08-14T03:42:17Z
dc.date.issued 2548
dc.identifier.issn 9741419775
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/67466
dc.description วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548 en_US
dc.description.abstract ความเป็นมา : โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีเป็นโรงพยาบาลรัฐที่ให้การรักษาโรคทางตติยภูมิ รวมถึงโรคหอบหืดซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนมากในทุกกลุ่มอายุ ผู้วิจัยในฐานะกุมารแพทย์และแพทย์หน่วยภูมิแพ้ มีความสนใจที่จะทำโครงการเพื่อหาความชุกระดับความรุนแรงของโรคหอบหืด และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระคับความรุนแรงของโรคในเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนในเขตมีนบุรี คันนายาวและบางกะปี ในช่วงปี 2547-2548 วิธีการ : โดยใช้แบบสอบถามมาตรฐาน ISAAC ซึ่งเป็นแบบสอบถามประกอบวีดีโอ ในการค้นหาผู้ที่เป็นโรคหอบหืดจากเด็กนักเรียนกลุ่มตัวอย่างคือเด็กนักเรียนมัธยม 1-3 ที่สุ่มโดยวิธี stratified และ simple random sampling จากโรงเรียน 15 แห่งที่อยู่ในพื้นที่ใกล้โรงพยาบาล ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2684 คนจาก7 โรงเรียน ผลการศึกษาพบว่ามีแด็กเป็นโรคหอบ 713 คนคิดเป็นความชุกของโรคได้ ร้อยละ 26.6 (95%C1 :24.9%,28.3%), ความชุกของเด็กที่มีอาการหอบหืดใน 1 ปีที่ผ่ามา ร้อยละ 20.9 ความชุกของการหอบกลางคืนร้อยละ 20.4 และความชุกของการหอบจากการออกกำลังกายร้อยละ 8.1 หลังจากนั้นทำการสุ่มเลือกตัวอย่างจากกลุ่มที่คัดได้มา 283 คนเพื่อศึกษาระดับความรุนแรงของโรคหอบหืด และใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อศึกษาระดับความรุนแรงของโรค ปัจจัย การปฏิบัติของตัวเด็กละผู้ปกครองที่เกี่วข้องกับระดับความรุนแรงของโรค จากการศึกษาพบว่าระดับความรุนแรงแยกเป็นกลุ่มอาการน้อยเป็นครั้งคราวร้อยละ 61.1 .กลุ่มอาการน้อยเป็นเรื้อรัง ร้อยละ 27.2 และกลุ่มอาการปานกลางเป็นเรื้อรัง ร้อยละ11.7 กลุ่มอาการรุนแรงไม่พบ ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการจับหืดค่อนข้างมากโดยรวม ได้แก่ การออกกำลังกาย ไข้หวัด การเปลี่ยนอากาศ ฤดู มลพิษในอากาศ ฝุ่นละออง โดยการเป็นไข้หวัดมีผลกระตุ้นให้เกิดการจับหืดสูงสุด (ร้อยละ 88) การเปลี่ยนอากาศและฤดูมีผลทำให้เกิดอัตราการจับหืดสูงสุดในกลุ่มรุนแรงปานกลางเรื้อรังและน้อยสุดในกลุ่มอาการน้อยเป็นครั้งคราว อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p<05) ส่วนด้านการปฏิบัติที่มีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรคอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<05) ได้แก่ การรับรู้ว่าเด็กเป็นหอบหืด การพาเด็กไปรักษาภูมิแพ้ การใช้ยาป้องกันหอบ พฤติกรรมการกินยา และใช้ยาขยายหลอดลมของเด็กเอง การใช้ยาขยายหลอดลมเวลามีอาการ โดยรวมผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความต่อเนื่องในการรักษาในทั้งสามกลุ่ม สรุป : ผู้ปกครองควรเพิ่มความระวังการเกิดการจับหืดในเด็กที่เป็นหอบหืดโดยเฉพาะกลุ่มอาการรุนแรงปานกลางเรื้อรังในขณะที่อากาศเปลี่ยน และเปลี่ยนฤดู และให้ความสำคัญกับการติดตามรักษาและการป้องกันเพื่อช่วยลดความรุนแรงของโรคหอบหืดในเด็ก
dc.description.abstractalternative Back ground: Nopparat Rajathanee Hospital is a government hospital that provides treatments for many complicated and chronic disease including asthmatic patients of all age groups. As a pediatrician and allergist, we are interested in studying the prevalence and severity of asthma and its related factors in early mathayom students whose schools are in Minburi, Kunnayao and Bungkum district during December 2005 1o January 2006 Methods: Standard questionnaire ISAAC was given to 2684 students who were randomly selected by a stratified and simple random sampling from 15 schools around the hospital. The students did the questionnaires in the class meetings that we set up in each school. Results: Seven hundred and thirteen asthmatic children were identified, thus the prevalence of asthma is 26.6%(95%CI :24.9%, 28.3%), 20.9% had asthmatic attack, 20.4% had nocturnal wheeze, and 8.1% had exercise-induced asthma during the last year. In order to study severity and its related factors ,283 of 713 asthma students were again randomly chosen to answer a self-administered questionnaire to classily the severity of asthma as follows: 61.1% were mild intermittent 27.2% were mild persistent, 11.7% were moderate persistent and none were severe persistent type. Among factors contributing to asthma, our study demonstrates that exercise, cold fever, dust, temperature changes, seasons and air pollution were highly associated with asthmatic-attack The most precipitating factors in this study was cold fever (88%). Temperature changes and seasons were significantly associated with the severity of asthma (p<O.5) The perception of parents regarding the child problem such as frequent physician visit for allergy treatment, the use of prophylactic asthmatic medications, and symptomatic bronchodilator were also shown to be statistically significant associated with severity of asthma. In summary most of the asthmatic children have not received regular treatment. Conclusion: Our study suggests that the parent should be aware of asthmatic attack during season and temperature changes in their children especially in those of moderate persistent severity, as well as education on how to manage asthmatic attack properly, and how to maintain good control of asthma.
dc.language.iso th en_US
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.subject โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี en_US
dc.subject หืดในเด็ก en_US
dc.subject นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น en_US
dc.subject Nopparat Rajathanee Hospital en_US
dc.subject Asthma in children en_US
dc.subject Junior high school students en_US
dc.title การสำรวจความชุก และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระดับความรุนแรงของโรคหอบหืด ในเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้น ของโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง ร.พ.นพรัตนราชธานี en_US
dc.title.alternative Prevalence and factors related to severity of asthma in early mathayom students of the schools nearby Nopparat Rajathanee Hospital en_US
dc.type Thesis en_US
dc.degree.name วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต en_US
dc.degree.level ปริญญาโท en_US
dc.degree.discipline เวชศาสตร์ชุมชน en_US
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en_US
dc.email.advisor ไม่มีข้อมูล
dc.email.advisor Somrat.L@Chula.ac.th


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record