Abstract:
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ ผู้วิจัยมุ่งที่จะศึกษาเนื้อหาวรรณกรรมคำสอนจารึกวัดพระเซตุพนฯ โดยวิเคราะห์ด้านแนวคิดทางจริยปฏิบัติ และความสำคัญของวิธีการทางวรรณศิลป์ที่มีผลต่อการนำเสนอแนวคิดทางจริยปฏิบัติ ผลจากการวิจัยพบว่า วรรณกรรมคำสอนที่จารึกอยู่ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามซึ่งมีอยู่ทั้งสิน ๙ เรื่อง ได้แก่ ๑. นิรยกถา ๒. เปตกถา ๓. ฉันท์วรรณพฤติ ๔. ฉันท์มาตราพฤติ ๕ . ฉันท์อัษฏาพานร ๖. ฉันท์กฤษณาสอน-น้อง ๗. ฉันท์พาสีสอนน้อง ๘. ร่ายสุภาษิตพระร่วง ๙. โคลงโลกนิติ มีเนื้อหาแสดงให้เห็นแนวคิดที่ทั้งสอนจริยปฏิบัติครอบคลุมแก่บุคคลทุกชนชั้นในจังคมไทย ตั้งแต่ชนชั้นปกครอง ได้แก่ ชนชั้นพระมหากษัตริย์ ชนชั้นเจ้านาย ชนชั้นข้าราชการ ขุนนาง นอกจากนั้นก็มีชนชั้นพิเศษคือ สมณสงฆ์จนกระทั้งถึงชั้นและประชาชนสามัญทั่วไปทั้งชายและหญิง ในแต่ละชนชั้นจะกล่าวถึงแนวจริยปฏิบัติต่อบุคคลในครอบครัว บุคคลอื่นในจังคม ตลอดจนสั่งสอนจริยปฏิบัติในชีวิตประจำวันทั่วไป โดยภาพรวมแล้วคำสอนของทุกชนชั้นในสังคมไทยจะเน้นการสั่งสอนให้บุคคลปฏิบัติตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคม ผลการวิจัยอีกล่วนหนึ่งพบว่าศิลปะการประพันธ์มีส่วนสำคัญต่อการสอนแนวจริยปฏิบัติอยู่มาก กลวิธีการประพันธ์ในวรรณกรรมคำสอนเหล่านี้มีทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง ส่วนสำนวนโวหารนั้นเป็นเทศนาโวหารเป็นส่วนใหญ่ โวหารอื่น ๆ ได้แก่ บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร สาธกโวหาร เป็นส่วนที่นำมาประกอบอยู่บ้างไม่มากนัก นอกจากนี้ในด้านศิลปะการใช้คำก็ยังมีความน่าสนใจไม่น้อย กล่าวคือมีผลต่อการสื่อความหมายและก่อ ให้เกิดความงามทางด้านเสียงได้แก่การใช้สัมผัส และการเล่นคำซ้ำคำซ้อน การสรรคำ ฯลฯ ศิลปะการประพันธ์เหล่านี้ก่อให้เกิดสุนทรยภาพแก่ผู้อ่านผู้ฟัง มีส่วนทำให้เนื้อหาของคำทั้งสอนน่าสนใจ อีกทั้งยังทำให้ผู้อ่านผู้ฟังเข้าใจเนื้อหาคำสั่งสอนที่เป็นนามธรรม และส่งเสริมให้จดจำคำสอนได้ง่าย ทำให้ผู้อ่านผู้ฟังสามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้